วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

@@@ ปลาชะโด ฮุบปลัด 1 @@@






                    ปลาชะโด ฮุบปลัด หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม เนื้อผง ผสมครั่ง คลุกรัก และ ว่านยา 108  ห่วงข้างคู่


                               ประทับยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ  แต่ถ้าเป็นตัวเล็กกว่านี้ ไม่ได้ประทับยันต์ก็มี ต้องดูที่ความเก่า รูปลักษณ์ และ ห่วง คือ ห่วงจะต้องม้วน 2 รอบครับ


                    เขย่าดูเสียงดัง แซ๊ก แซ๊ก เข้าใจว่าบรรจุเม็ดทราย หรือ อาจจะเป็นปรอท บางตัวที่พบมีด้ายสายสิญจน์เสก พันรอบปลัดก็มี


                    หลวงพ่อปิดทองที่หัวปลาชะโดพองาม  การบรรจุกริ่งนั้น เคยพบทั้งที่ดัง แซ๊ก ๆ ๆ และ  บรรจุกริ่งที่เป็นหลอดตะกรุด  เครื่องราง รูปสัตว์ ที่เป็นรูปปลานั้น ใช้ทางด้านเมตตา มหานิยม มหาลาภ และ ทางโภคทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทองอุดมสมบูรณ์ กินไม่มีวันหมด อะไรประเภทนั้น อีกทั้งเหมาะกับท่านที่มีอาชีพเป็นพนักงานขายสินค้า  การเช่าหาต้องระมัดระวังให้มาก เพราะว่า มีทั้งของจริง และ ของเลียนแบบ


วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

หนุมาน ขนาดบูชา










                    หนุมานแบบหน้าโขน ทรงเครื่องใหญ่ เต็มยศ ขนาดบูชา ปั้นด้วยมือของ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม เนื้อผง ผสมครั่ง คลุกรัก และ ว่านยา 108


                    ใต้ฐาน ประทับยันต์ เฑาะว์ ใหญ่ 1 ตัว เฑาะว์ เล็ก 2 ตัว รวมเป็น 3 ตัว แถวบน ประทับยันต์ มะ อะ อุ แถวล่าง ประทับยันต์ อุ อะ มะ อีกทั้งฝั่งกริ่ง เขย่าดู น่าจะเป็นตะกรุด ขนาดยาวพอสมควร


ที่คอหนุมาน พันด้วยด้ายสายสิญจน์เสก


                      หลวงพ่อปั้นลักษณะหนุมาน ฝีมือชั้นครู โดยเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เรียกว่าแทบจะครบถ้วน  ทำให้ดูแล้วมีความสวยงาม แต่แฝงไว้ซึ่งความดุดัน น่าเกรงขาม และ เข้มขลังยิ่งนัก


                พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง ครบเครื่องอยู่แล้ว สำหรับหนุมาน ทุกสำนัก


หะนุมานะ นะสังสะตัง

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

พญาครุฑ






พญาครุฑ  เนื้อผง  พิมพ์เล็ก  ฝังกริ่ง


หลังประทับยันต์เฑาะว์เล็ก ไม่มีห่วง 




พญาครุฑ  เนื้อผง  พิมพ์ใหญ่ ฝังกริ่ง


หลัง ประทับ ยันต์เฑาะว์ใหญ่ ห่วงคู่

                   พญาครุฑ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม เนื้อผงพุทธคุณ 5 ชนิด  ที่หลวงพ่อทำเอาไว้ ประกอบไปด้วย ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงอิติปิโส ผงมหาราช และ ผงตรีนิสิงเห ผสมว่านยา 108 ชนิด ที่หลวงพ่อสังข์ ปลูกเอาไว้บริเวณวัด ผสมครั่ง คลุกรัก และ ปิดทองบาง ๆ พองาม ซึ่งรักนั้น หลวงพ่อจะไม่ใช้รักจีน ซึ่งมีขายอยู่ตามตลาดทั่วไป แต่หลวงพ่อจะใช้ รักน้ำเกลี้ยง เท่านั้น ซึ่งรักชนิดนี้ หลวงพ่อจะต้องไปค้นหาตามป่าใหญ่ เมื่อพบแล้วก็จะทำการกรีดหรือสับด้วยมีดที่ลำต้นรักให้เป็นรอยยาว ๆ คล้ายกรีดต้นยางพารา  ยางรักก็จะไหลออกมาตามรอยที่กรีดหรือสับนั้น จากนั้นก็จะนำมากรองและซับน้ำออก เพื่อให้เป็นรักบริสุทธิ์  รักชนิดนี้ ถ้าคนไหนแพ้ยางรัก จะทำไม่ได้เลยเพราะจะทำให้คันมาก  ด้านหลัง หลวงพ่อประทับยันต์  เฑาะว์ขัดสมาธิ  ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อ สุดท้าย ฝั่งกริ่งเสียงดังกังวาล ครบตามสูตรเป๊ะ

                   การสร้างเครื่องราง ของขลัง รูปครุฑนั้น เชื่อกันว่า เป็นเครื่องรางที่มีอาถรรพ์สูง มีฤทธิ์ และ อานุภาพมาก เกจิอาจารย์องค์ไหน ถ้าไม่รู้จักศาสตร์ของครุฑเป็นอย่างดี และ วิชาไม่แก่กล้าพอก็จะไม่กล้าสร้าง เพราะอาถรรพ์ของครุฑอาจจะเข้าตัว การสร้างต้องใช้ พระเวทชั้นสูง ในการปลุกเสก จึงไม่ค่อยจะมีเกจิอาจารย์องค์ไหนที่สร้างให้ถูกต้องตามตำหรับตำราได้

บารมีแห่งพญาครุฑ พลังอำนาจที่เทียบเท่า พระผู้เป็นเจ้า

                   อำนาจของพญาครุฑนั้นท่านว่าลึกลับมากนัก ในตำนานของฮินดูกล่าวว่าตั้งแต่แรกเกิดมานั้นพญาครุฑก็มีรัศมีกายที่สว่างไสวเป็นที่อัศจรรย์ ส่อให้รู้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการ มีอานุภาพเป็นอเนกอนันต์ มีฤทธิ์วิชาผาดโผนพิสดารทั้งนี้มีเรื่องกล่าวไว้อีกว่าครั้งหนึ่งพญาครุฑเคยลองฤทธิ์กับองค์พระนารายณ์มหาเทพหนึ่งในสามของทางศาสนาพราหมณ์ การรบกันนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั้งสามโลกธาตุ พญาครุฑสามารถต่อสู้ด้วยความสามารถ รบกันไปเท่าใดก็หาแพ้ชนะกันไม่ จนในที่สุดพระนารายณ์และพญาครุฑจึงตกลงกันว่าขอให้เสมอกันในการรบระหว่างเราและท่าน พระนารายณ์อนุญาตให้พญาครุฑสามารถอยู่เหนือเศียรตนได้ และพญาครุฑก็นอบน้อมโดยการยินยอมให้พระนารายณ์สามารถนำตนเป็นพาหนะไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้เช่นกัน

                   จึงถือกันในหมู่ครูบาอาจารย์กันแต่โบราณว่า “พญาครุฑ” เป็นเทพเดรัจฉานที่มีอานุภาพอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าอย่างพระนารายณ์ อานุภาพของครุฑจึงเป็นที่อัศจรรย์ของทั่วโลกธาตุ นอกจากนี้ยังมีประวัติอีกว่าพระอินทร์เองก็เคยลองฤทธิ์กับพญาครุฑใช้วัชระฟาดพญาครุฑ แต่องค์พญาครุฑเป็นกายสิทธิ์หาได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดไม่ พระอินทร์พยายามอยู่หลายทางก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่องค์ครุฑได้ จนพระอินทร์มีความเคารพในอานุภาพของพญาครุฑว่ามีฤทธิ์เดชเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าจริงในที่สุดพญาครุฑจึงได้สลัดขนตนเองออกมาหนึ่งเส้นให้แก่พระอินทร์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอินทร์ด้วยเช่นกัน

                    จะเห็นได้ว่าตามตำนานที่กล่าวมา “พญาครุฑ” เป็นเทพเดรัจฉานที่มีฤทธิ์ที่ไม่ธรรมดา ๆ เลยมีอานุภาพมาก ด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ที่รู้จักศาสตร์ของครุฑเป็นอย่างดีจึงนำเอาสัญลักษณ์เกี่ยวกับครุฑ รูปครุฑต่าง ๆ มาทำสมาธิบูชาเพื่อให้เกิดอิทธิพลังงานอันลี้ลับ ทั้งนี้เพื่อการปกป้องคุ้มครองบ้าง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองบ้าง

พญาครุฑเครื่องหมายแห่งสิทธิอำนาจและความเป็นมงคล

                    ครุฑนั้นเป็นเครื่องหมายของทางราชการอยู่แล้ว เอกสารทางราชการฉบับใด ๆ ก็ล้วนต้องมีเครื่องหมายพญาครุฑประทับอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าเป็นเครื่องหมายสำคัญเป็นตราแผ่นดิน เป็นตราของเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เชื่อว่าหากข้าราชการผู้ใดให้ความเคารพนับถือในองค์พญาครุฑ และซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตนเอง ข้าราชการผู้นั้นจะมีความสุขความเจริญทั้งชีวิตและหน้าที่การงานสืบไป คุณไสย์อันตรายใด ๆ ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้เพราะเครื่องหมายของพญาครุฑนี่สำคัญมากผู้ที่รู้เขาจะไม่ข้ามไม่เหยียบย่ำ ไม่นำไว้ที่ปลายเท้าเลยเพราะเป็นของสูง ของศักดิ์สิทธิ์ หากเคารพนับถือให้ดีอำนาจพญาครุฑที่มีอยู่ในเอกสารราชการจะคุ้มครองผู้นั้นไม่ให้มีวันอับจน แต่คนสมัยนี้ไม่ใคร่เชื่อถือกันเท่าใดนัก เรื่องพญาครุฑจึงดูล้าสมัยไปเสีย ไม่เหมือนในสมัยก่อนที่ไหนว่ากันว่าผีแรง ผีเฮี้ยน เอาตราพญาครุฑไปติดไว้ความอาถรรพ์ของสถานที่นั้น ๆ ก็จะหายไปในทันที

อำนาจพญาครุฑ

                   สิทธิอำนาจพญาครุฑสัตว์กายสิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าให้ตายได้มีอายุยืนเสมือนว่าเป็นอมตะนั้น นับเป็นเรื่องลี้ลับที่ผู้รู้พยายามค้นคว้า และเสาะหาที่มาแห่งพลังอำนาจดังกล่าว จนเกิดการสร้างเครื่องรางต่าง ๆ ขึ้น อำนาจพญาครุฑสามารถจำแนกได้ถึง ๘ ประการ โดยนับเอาอำนาจหลัก ๆ ได้ดังนี้คือ

                        ๑.  เป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอำนาจอันเฉียบขาด
                        ๒.  สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสย์ทั้งปวง ภูติผีปิศาจกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
                        ๓.  เป็นสื่อนำความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน
                        ๔.  ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน
                        ๕.  เป็นเมตตามหานิยม
                        ๖.  นำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้
                       ๗.  ทำมาค้าขายดีเป็นสื่อนำโชคลาภนานาประการ
                       ๘.  สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด

                    อำนาจพญาครุฑยังมีมากกว่านี้อีกมาก แล้วแต่ท่านใดจะรู้จักใช้ ในตำราทางไสยเวทพุทธาคมมีทั้งการใช้ยันต์ครุฑให้ผลดีในทางคงกระพันชาตรี มีนะพญาครุฑใช้ลงตบเข้าหน้าผากเป็นคงกระพันชาตรีกันเขี้ยวงาอสรพิษได้ ทั้งนะพญาครุฑนี้เมื่อประสิทธิ์ลงไปยังตัวคนผู้ใดแล้วยังสามารถทรหดอดทน เดินไกลไม่เหนื่อย เป็นวิชาตัวเบาชั้นยอด และเป็นเมตตามหานิยมชั้นสูงอีกด้วย ยังมีคาถาพญาครุฑซึ่งเมื่อกล่าวพระคาถานี้งูพิษรวมไปจนถึงตะขาบแมงป่องและสัตว์ร้ายต่าง ๆ ทั้งหลายจะหลบหนีไปสิ้นโดยพระคาถาพญาครุฑท่านว่าดังนี้

                “โอมพญาครุฑจะเห็นผล หลีกไปให้พ้น พญาหนจะเดินทาง เคาะงอ เคาะงอ”

                   ก่อนว่าพระคาถานี้ให้นมัสการพระรัตนตรัยเสียก่อนด้วยนะโม ๓ จบและท่องพระคาถานี้ก่อนออกเดินทางตั้งสติส่งจิตไปถึงพญาครุฑจะปลอดภัยทุกประการ

สักการะให้ถูกวิธี

                   การบูชาพญาครุฑประกอบกับพญาปักษาชาติอันมีฤทธิ์ทั้งหลายนั้น ท่านให้สักการะคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากนั้นให้ตั้งจิตระลึกถึงพญาครุฑท่าน ด้วยการทำสมาธิภาวนาเป็นสื่อถึงองค์พญาครุฑว่า “ครุฑโธ” จนจิตสงบหรือระลึกชื่อ พญาวายุภักษ์ หรือ ท่องคำว่า “การะวิโก” อันเป็นคาถาหัวใจพญาการเวกก็ว่าได้ จากนั้นเมื่อเห็นว่าจิตสงบลงบังเกิดเสียงนกร้องระงม จากบริเวณที่มีนกอยู่ใกล้ ๆ จนบางครั้งอาจมีนกมาบินเวียนวนอยู่เป็นทักษิณาวัตรอย่างน่าอัศจรรย์ หรือมีฝูงนกมาทานอาหารที่เราเซ่นไหว้ อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเป็นศุภมงคลอย่างประเสริฐแล้ว สื่อให้เห็นว่าจิตเราพิธีกรรมเราที่ตั้งถึงองค์พญาครุฑและเหล่าพญาปักษาชาติทั้งหลายอันมีฤทธิ์นั้นท่านรับรู้แล้ว และท่านทั้งหลายจะช่วยเหลือเราอย่างสุดวามสามารถโดยตลอด

                     สุดท้าย ขออวยพรให้ทุกท่านโชคดี  มีโอกาสได้ครอบครอง พญาครุฑ สุดยอด เครื่องราง ของขลัง อีกชนิดหนึ่ง ของ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม เพื่อใช้สักการะบูชาอาศัยบารมีแห่งพญาครุฑ ให้นำมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองแห่งชีวิตครับ


วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

ปลัดพญานาคเขาควายแกะ





              
                      ปลัดพญานาค หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม แกะด้วยเขาควายที่เป็นคด ซึ่งเป็นเขาควายขนาดใหญ่ ความหนาประมาณ 2 นิ้ว ความยาวเกือบ 8 นิ้ว




                     ดูกันชัด ๆ ครับ หลวงพ่อแกะเป็นเศียร พญานาค 3 เศียร แถมกำลังพ่นน้ำอีกต่างหาก






                    ด้านข้างตัวปลัด หลวงพ่อจารยันต์ อุมะ อุมิ ทั้งสองด้าน แถมยังเห็นเกล็ดพญานาค พร้อมครีบหลังชัดเจน




                     นอกจากนั้นแล้วหลวงพ่อยังลงเหล็กจารรอบตัว พญานาค 3 เศียร ตัวนี้  น่าจะเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งยังไม่เคยเห็นมาก่อน




ดูเขาควายที่แตกลาย เนื่องจากกลายเป็นคด ชัด ๆ




หลวงพ่อจารยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ ที่หัวปลัดด้านบนตามสูตร


 

ดูรอยอุดกริ่งครับ เสียงกริ่งยังดังกังวาลเช่นเคย

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ปลัดลิงขี่ เขาควายแกะ 1




                     ปลัดลิงขี่ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม แกะจากคดเขาควาย ซึ่งคดเขาควายนั้น ถือว่าเป็นของทนสิทธิ์ชนิดหนึ่ง คือมีดีในตัวเองแม้ว่าจะยังไม่ได้ปลุกเสกก็ตาม                     
                     มาทำความรู้จักกับ " คดเขาควาย " ซึ่งเขียนโดย พิพัฒน์ ชมรมคด ธาตุกายสิทธิ์
                     คดเขาควาย เป็นของทนสิทธิ์ที่มีลักษณะสัณฐานค่อนข้างกลม ผิวมันเนื้อเดียวกันกับส่วนเขา เกิดอยู่ในเขาควายอีกทีหนึ่ง และจะต้องเป็นควายตัวที่มีลักษณะต้องตามตำรา กล่าวคือ เป็นควายที่มีขนสีดำสนิทเป็นเงางาม เขาทั้งสองข้างใหญ่โค้งสวยงามสง่าได้รูปทรง เป็นควายที่ตัวใหญ่กำยำแข็งแรงมีพละกำลังมหาศาลมากกว่าควายทั่วๆไป แสนรู้ ขยัน และองอาจซึ่งบรรดาควายในฝูงเดียวกัน จะไม่มีควายตัวไหนกล้าต่อกรด้วย เพราะครั่นคร้ามในตบะ บารมีของควายตัวนี้ คดเขาควายนี้เป็นของวิเศษที่หาได้ยาก น้อยคนนักที่จะได้พบเจอ
                    อานุภาพมหาวิเศษโดดเด่นมากทางด้าน มหาอำนาจ กันภูตพรายคุณไสยมนต์ดำ มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด กันภัยได้สารพัด............






หน้าตาลิงดูบ๊องแบ๊ว น่ารัก น่าชัง



ดูความเก่าของเขาควายที่แตกลายเนื่องจากกลายเป็นคด





มองดูคลาสสิคทั้งทางด้านหัว และ ทางด้านท้าย




จารยันต์ อุมะ อุมิ ทั้งสองด้าน


หลวงพ่อจารยันต์เฑาะว์ตามสูตร



รอยอุดกริ่งเสียงเพราะเช่นกัน