วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อิ้น หนังควายปั้น


















                    อิ้น หนังควายเผือก ฟ้าผ่าตาย ปั้นมือ จุ่มรัก พันรอบเอวด้วยด้ายสายสิญจน์เสก ฝีมือการปั้นและปลุกเสกโดย หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ความแปลก ศิลปะ  บรรยายด้วยภาพครับ รับรองว่า ไม่เหมือนใคร และ ไม่มีใครเหมือนแน่นอน อิ้นคู่นี้ ลักษณะดูแล้ว คงจะใช้มาอย่างโชกโชนมาก สังเกตุจากความเก่า หนังควายแห้งสนิท และเกิดรอยแตกรานตามธรรมชาติ อีกทั้ง รักที่จุ่มไว้ หลุดลอกออกไปจนเกือบจะหมด แต่ก็ยังพอจะเห็นร่องรอยอยู่บางส่วน ตั้งแต่สะสมมา เพิ่งเคยเห็นอิ้น หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม ชิ้นนี้ชิ้นเดียว


                    เขาว่ากันว่า อิ้น  คือรูปชายหญิงที่กำลังกอดรักกัน มีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ เป็นบุรุษหญิงชายคู่แรกของโลก เป็นเครื่องรางที่แสดงถึงความรักระหว่างชายกับหญิง ลักษณะนี้เรียกว่าอิ้นคู่   ผู้ใดมีไว้ติดตัวย่อมมีอำนาจเหนือจิตใจของเพศตรงข้าม มีอำนาจในทางดึงดูดเพศตรงข้ามให้สนใจในตัวของเรา ทำให้เพศตรงข้ามคิดถึงตัวเราเสมอๆ เกิดความรักเกิดความต้องการที่จะใกล้ชิด ผู้ที่พกอิ้นคู่รักซึ่งเป็นเครื่องรางที่มีความผูกพันโดยตรงหากใครที่อยากมีความรักและเขาก็รักเราเช่นกัน


                    นอกจากนี้คนที่มีคู่อยู่แล้ว คู่ของเราอาจจะเหินห่างไม่ค่อยใยดีกับเรา ท่านบอกว่าให้นำอิ้นคู่พลอดรัก  พกติดตัวทำการอธิษฐานต่ออิ้นคูรักไม่ช้าไม่นานคู่รักจะคืนดีด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ คู่สามีภรรยาที่แตกแยกกันสามีนอกใจภรรยา ภรรยานอกใจสามี จะได้รักใคร่กลมเกลียวกัน ส่วนคู่ที่รักกันอยู่แล้วก็จะรักยิ่งๆ ขึ้นไป ผูกจิตให้รักผูกใจให้คิดถึงคะนึงหามิรู้ลืมมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นเมตตารักใคร่

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระฤาษีหน้าพญานาค และ หน้ากวาง หนังควายปั้น


                    พระฤาษีหน้าพญานาค (ฤาษีกษิโรธ) หนังควายเผือกฟ้าผ่าตาย จุ่มรัก ปั้นมือ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม



                 ศิลปะการปั้นมือ และ การออกแบบรูปลักษณ์ ระดับซือแป๋ เรียกอาจารย์








ที่คอขององค์พระฤาษี พันด้วยด้ายสายสิญจน์เสก ตามสูตร




                    ด้านหลัง มองเห็นร่องรอยการใช้ของมีคม กรีดแผ่นหนังควาย เพื่อการปรับแต่งองค์พระอย่างเห็นได้ชัด


ใต้ฐานลงเหล็กจาร ดูเข้มขลังยิ่งนัก

                    ฤาษีกษิโรธ เป็นฤาษีในชั้นเทพฤาษี ถือได้ว่าเป็นเสมือนบิดาของ (องค์พระมหาลักษมีมาตาเทวีเจ้า ผู้เป็นพระชายาในพระมหาวิษณุผู้เป็นเจ้า) เป็นผู้สันทัดในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ด้วยสมบัติ อันมากมาย ฤาษีกษิโรธ ภาคนี่มีรูปร่าง เป็นมนุษย์ ศรีษะเป็นพญานาค ผิวกายสุกสว่างเป็นสีขาว นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับล้ำค่าดั่งกษัตริย์เป็นสีขาว คล้องประคำไข่มุกสีขาว
                  
                   ดังนั้น พระฤาษีหน้าพญานาค เมื่อบูชาแล้วจะก่อให้เกิดอานิสงส์ ทางโภคทรัพย์ ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข ความร่ำรวย มีกิน มีใช้ ไม่มีวันหมดครับ



ฤาษีหน้าเนื้อ หรือ ฤาษีหน้ากวาง หรือ พระฤาษีประไลยโกฐ


                 พระฤาษีประไลยโกฐ เป็นครูแห่งการร้องรำ ทรงครองเพศเป็นฤาษี แต่มีหน้าเป็นเนื้อ มีเขาเป็นวัวด้วยท่านกำเนิดจากวัวและกวาง แต่ได้บำเพ็ญจนคืนร่างเป็นมนุษย์ และได้ร้องเพลงอ้อนวอนพระอิศวรจนเสด็จมาประทานพรให้เป็นบรมครู แห่งการร้องทั้งปวง
 







                 
                     ฝีมือการปั้นของ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม เช่นกัน บรรยายด้วยภาพครับ
                       
                         พระฤาษีประไลยโกฐ ซึ่งว่ากันว่าเป็นบุตรของ พระฤาษีอิสีสิงค์ (เป็นพระฤาษีชั้นเทพบุตรทั้งคู่) นั้น จากการรวบรวมตำนานฤาษี ของ อาจารย์ ว.จีนประดิษฐ์ จากตำนานโบราณแท้ที่จริงแล้ว พระฤาษีหน้าเนื้อ นั้นในหลายตำรา "พระฤาษีฤษยะสฤงค์" หรือ "พระฤาษีอิสีสิงค์" เป็นองค์เดียวกันกับที่เป็นพระสวามีของนางศานตา ซึ่ง พระสวามีของนางศานตา หรือนางอรุณวดี ซึ่งว่ากันว่า จะกระทำการสิ่งใดให้ประสบผลสำเร็จ หรือ ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ควรอัญเชิญฤาษีหน้าเนื้อนี้ด้วย

                         เรื่อง พระฤาษีประไลยโกฐตำนานเล่าว่า ท่านได้บำเพ็ญตบะสร้างบารมี อยู่ในป่าเพื่อหวังความสำเร็จแล้วจะได้บังเกิดในสวรรค์ ตั้งใจบำเพ็ญพรตเพื่อนิพพานด้วยความมุ่งมั่นแต่อย่างเดียว และในระหว่างนั้นเหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายได้รับความเดือดร้อน และกังวลในเรื่องอาหารการกิน ต้องดินรนแสวงหาสิ่งของมาประทังชีวิต แต่พระฤาษีประไลยโกฐ ถึงแม้จะห่วงใยก็ไม่สามารถหาทางออกให้ประชาชนในขณะนั้นได้ จึงได้แต่บำเพ็ญพรตต่อไป จนกระทั่งเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาร ด้วยบุญญาธิการ และบารมีการบำเพ็ญของท่าน จึงเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ พายุใหญ่พัดกระหน่ำรุนแรง ต้นไม้โค่นระเนระนาด พอฝนซาเกิดน้ำท่วมรอบ ๆ อาศรมท่าน

                          และในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้มีเมล็ดข้าวสาลีปลิวมากับพายุ แล้วตกบริเวณหน้าอาศรมท่าน อยู่ตรงนั้น จนเมล็ดข้าวสาลี กระเทาะเปลือก ท่านเฝ้าดูอย่างปลื้มปิติ มันงอกงาม จนสุก เหลืองอร่าม ทั้งยังส่งกลิ่นหอม ท่านจึงรำพึงว่า นี่ต้น  นี่ผลอะไร? มนุยษ์จะกินได้หรือเปล่า ? ฉนั้นเราจะคอยดูว่า จะมีพวกนกกาหรือสัตว์อื่นใดมากินหรือไม่ ถ้าสัตว์กินได้ มนุษย์ก็ต้องกินได้


                         หลังจากนั้น ก็ได้มีนกกระจาบ ตัวเล็กๆ บินมา กินเมล็ดข้าวสาลี จนอิ่ม แล้วยังคาบ รวงข้าวกลับไปด้วย และแล้ว อีกไม่นาน ก็ได้มีนกกระจาบฝูงใหญ่บินมากินจนอิ่มหน่ำ แล้วคาบกลับไปอีก ท่านเห็นดังนี้ ก็ดีใจ คิดได้ว่าต่อไปมนุษย์จะต้องไม่เดือดร้อนเรื่องอาหารการกินอีกต่อไป จนนกเหล่านั้นไปหมดแล้ว ท่านจึงลงจากอาศรม แล้วเก็บรวบรวมเมล็ดข้าสาลีที่เหลือ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป เพื่อให้มากพอกับความต้องการของมนุษย์

                         ตามตำนานของพระฤาษี ว่าไว้ว่าอย่างนี้ครับ ดังนั้น เมื่อบูชาฤาษีหน้าเนื้อแล้ว จะก่อให้เกิดอานิสงส์ทางประสบความสำเร็จ การขจัดปัดเป่าปัญหาอุปสรรค และ ความอุดมสมบูรณ์พููนสุขของชีวิต ครับ

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระฤาษีหน้าวัว หนังควายปั้น


                     พระฤาษีหน้าวัว (ฤาษีตาวัว หรือ พระนนทิ ) หนังควายเผือก ฟ้าผ่าตาย จุ่มรัก ปั้นมือ ฝีมือการปั้นของ สุดยอดเกจิอาจารย์ สายขอมลาว แดนอีสานใต้ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม พระฤาษีอยู่ในท่านั่งชันเข่าสบาย ๆ ถือไม้เท้า ผ้านุ่งตามประวัติบอกว่า นุ่งห่มหนังเสือดาว แถมมีผ้าขาวม้าพาดบ่าอีกต่างหาก








มีหางโผล่ขึ้นมาให้เห็นพองาม


ดูฝีมือการปั้น แสดงให้เห็น ลักษณะหน้าตาได้เหมือนจริงมาก


                     ดูร่องรอยการใช้ของมีคม กรีดหนังตกแต่งเพื่อความสวยงาม และ จะเห็นร่องรอยของการหดตัว ขยายตัวของหนังควาย และ การแตกลายงาอย่างเห็นได้ชัด


                    เหนือศรีษะ ระหว่างเขาทั้งสองข้าง จะสังเกตุเห็นหมวกยอดแหลม ซึ่งเป็นเอกลัษณ์ ของหมวกพระฤาษี ใบเล็ก ๆ พองาม  ที่คอของฤาษี หลวงพ่อ พันด้วยด้ายสายสิญจน์เสกตามสูตร



                      ใต้ฐานองค์พระ หลวงพ่อไม่ได้ประทับยันต์ เฑาะว์ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นหนังปั้น ไม่สะดวกในการประทับยันต์ แต่หลวงพ่อเลือกลงเหล็กจารด้วยเครื่องหมาย อุณาโลม ขึ้นยอด 3 หยัก อันแทน มะ อะ อุ สังเกตุเห็นรอยวงกลมสีขาวด้านบนซ้าย ซึ่งรัก หลุดลอกออกไป จะเห็นสีขาวของพื้นหนัง (ในวงกลมสีเหลือง) แสดงให้เห็นว่า เป็นหนังควายเผือกอย่างเห็นได้ชัด

                       พระฤาษีหน้าวัว หรืออีกชื่อหนึ่งคือฤาษีตาวัว พระนามที่จริงคือ พระนนทิ (พระ-นน-ทิ) นั่นเอง เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นบริวารองค์สำคัญและยังเป็นพระราชพาหนะของ (องค์พระสดาศิวะมหาเทพ) เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี การร้อง ฟ้อน รำ เต้น มีศิลปะในการพูดจา เจรจาได้น่าฟังเป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยกย่อง อีกทั้งเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีเสน่ห์ ดึงดูดใจเพศหญิงเป็นอย่างดี ในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือดาวสีเหลือง ศรีษะ เป็นวัวหนุ่ม สีขาว

                       ดังนั้น การบูชาพระฤาษีหน้าวัว จึงก่อให้เกิดอานิสงส์ทางด้าน การแสดง การดนตรี มีเสน่ห์ มีเมตตา มหานิยม  การเจรจาค้าขาย และก่อให้เกิดความสำเร็จในการติดต่อประสานงานต่าง ๆ กับบุคคลทั่วไป

                       การสร้างเครื่องรางรูปสัตว์นั้น เปรียบเสมือนการสร้างหุ่นยนต์ในสมัยปัจจุบัน หุ่นยนต์มีระบบการประมวลผลและอ่านข้อมูลหรือหน่วยความจำ มีแผงวงจร ไอซี ไมโครชิบและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า องค์ประกอบต่าง ๆ ของวงจรบังคับควบคุมหุ่นยนต์ ก็เปรียบเสมือนเส้นยันต์และเวทย์มนต์คาถาอาคมต่าง ๆ ที่เกจิอาจารย์บรรจุลงไปในเครื่องรางรูปสัตว์โดยใช้พระเวท ดังนั้น เครื่องรางรูปสัตว์ ก็คือหุ่นพยนต์นั่นเอง แต่พลังงานที่แผ่ออกมาเป็นรูปของอำนาจจิต ดังนั้น วัสดุที่ใช้สร้างหุ่นพยนต์ จะต้องมีพลังอยู่ในตัว ความแปลกของควายเผือก ซึ่งเป็นเป้าสายตาของคน ความงดงามในรูปโฉมผิวกาย ความแปลกพิเศษสะดุดตาเท่านั้นยังไม่พอ ควายเผือกยังเป็นจุดต่อพลังงานไฟฟ้าสถิต์มหาศาล เมื่อเกิดฟ้าผ่า พลังงานมหาศาลจากก้อนเมฆถูกถ่ายทอดลงมาที่ตัวควายเผือก ก่อนลงสู่ผิวดิน ตัวควายเผือกจึงได้รับพลังงานอย่างมหาศาล หรือ เรียกกันง่าย ๆ ว่า กระแสไฟฟ้าเป็นล้าน ๆ กิโลวัตต์ ส่งพลังงานมาเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของควายเผือกทั้งตัวให้กลายเป็นวัสดุอาถรรพ์ สามารถซึมซับเอาวิชาอาคม หรือ พลังจิตได้ง่าย และคงความขลังไว้ได้นานนั่นเอง เมื่อวัสดุดี มีคุณวิเศษในตัว บวกกับรูปลักษณ์พิเศษ ของ พระฤาษีหน้าวัว บวกด้วยมหามนตราที่เปี่ยมด้วยพลังจิตอันแก่กล้ามหาศาลของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงศีลแล้ว ยิ่งทำให้เครื่องรางรูปสัตว์นั้น ยิ่งเพิ่มความขลังเป็นลำดับเท่าทวีคูณ

                       การสร้างเครื่องรางรูปสัตว์นั้น  กล่าวกันว่า   จะต้องเสกจนให้ลุก   ปลุกให้นั่งได้จริง ๆ จึงจะขลัง ดังนั้นทั้งตัวของรูปสมมุติจะต้องมีสูตรการปั้น ตั้งแต่การใช้พระเวท เสกหนังควายให้อ่อนตัวเป็นเสมือนดินเหนียว สามารถทำให้ยืดตัว หดตัว ขยายใหญ่ขึ้น หรือ เล็กลง หรือขับให้เคลื่อนตัวออกไปตามคำสั่งได้ หรือ เรียกให้กลับมาที่เดิมได้ ถึงจะเรียกว่า สุดยอดของวิชา  ซึ่งวิชาเสกหนังควายนี้ เป็นวิชาสายขอมลาวโดยแท้ เพื่อน ๆ คงจะเคยได้ยินก็คือ การเสกหนังควายเข้าท้อง นั่นแหละ

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

@@@ ไม้ตะพดฤาษี @@@


                              ไม้ตะพดฤาษี หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม  บางท่านเรียกว่า ไม้เท้าพ่อครู หรือ ไม้ตะพดวิเศษ หลวงพ่อ ทำจากไม้ที่ต้องอาถรรพ์ คือ ไม้ต้นนั้น จะต้องถูกฟ้าผ่า และ ยืนต้นตาย เมื่อหาได้ หลวงพ่อก็จะไปทำพิธีพลีกรรม ขอจากเทพยดา ที่รักษาต้นไม้นั้น ความยาวของไม้ตะพดนี้ ยาวตั้งแต่หัวจดท้ายยาว  23  นิ้ว  ถ้าตามตำราส่วนสัดศาสตราวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมีดหมอ หอก ดาบ กริช และพระขรรค์ เป็นต้น  ตามตำรา ความยาวของอาวุธ จะแบ่งเป็น 10 ส่วน ถ้าอาวุธนั้น ยาวเกิน 10 ส่วน ก็ให้เริ่มนับ ส่วนที่เกินเป็น 1 ใหม่ ความยาวตกอยู่ที่ส่วนที่ 23  เรียกว่า พ้นพินาศ ความหมายคือ  ปราศจากความวิบัติทั้งปวง หลวงพ่อ แบ่งส่วนของไม้ตะพด ออกเป็น 3 ส่วน ส่วนหัวไม้ยาว 4 นิ้ว ส่วนกลางไม้ยาว 15 นิ้ว ส่วนปลายไม้ยาว 4 นิ้ว














                ส่วนหัวไม้ตะพด ยาว 4 นิ้ว หลวงพ่อทำเป็นรอยบาก แบ่งส่วนให้เห็นชัดเจน ส่วนปลายหัวไม้เจาะรูกว้างพอสมควร ผู้รู้บอกว่า หลวงพ่อบรรจุวัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ ลงไป เช่น ผงพุทธคุณ  5 ชนิดที่หลวงพ่อเขียนผง ลบผงไว้ ขี้ผึ้งผสมสิ่งของที่เป็นอาถรรพ์  ชิ้นส่วนของไม้ หรือ หนังควายที่ถูกฟ้าผ่าลงอักขระ และ ปรอท เป็นต้น เมื่อบรรจุสิ่งต่าง ๆ ครบแล้ว หลวงพ่อก็จะฝังรูปเหมือนของหลวงพ่อ ลงไปในรูที่เจาะไว้และจะเหลือองค์พระให้โผล่ขึ้นมาประมาณครึ่งองค์ ต่ำลงมา หลวงพ่อลงเหล็กจาร เป็นอักษรธรรม อ่านว่า อะหัง รักขันตุ กัตวา










                     ส่วนกลางของไม้ ยาว 15 นิ้ว ชิดขอบด้านบน หลวงพ่อเจาะรู ขนาดกว้างราว 1 นิ้ว สูง ราว 1 นิ้วครึ่ง และทำการบรรจุวัตถุอาถรรพ์ เช่นเดียวกับหัวไม้ เมื่อบรรจุเสร็จแล้ว คราวนี้ หลวงพ่อฝังพระพุทธรูปปางนาคปรก 9 เศียร ลงไป





                   ส่วนอีกด้านของไม้ หลวงพ่อลงเหล็กจาร อักษรธรรม อ่านว่า อะหัง รักขันตุ กัตวา  เช่นเดียวกับส่วนหัวของไม้ แต่ลงจำนวน 2 แถว



                     ตอนปลายไม้ตะพด จะสังเกตุเห็นรอยบากเป็นวงกลมรอบไม้ 3 วง ซ้อนกันอยู่  แบ่งส่วนของไม้ให้เห็นอย่างชัดเจน


                              ปลายไม้ ความยาว 4 นิ้ว หลวงพ่อลงเหล็กจาร อักษรธรรม จำนวน 3 แถว แต่ผมพยายามอ่านแล้ว อ่านไม่ออก  อาจจะเป็น อักขระหัวใจอานุภาพ ผิดพลาดขออภัย

                 
                   ไม้ตะพด หลวงพ่อสังข์ชิ้นนี้ เป็นไม้แก่นขาม ฟ้าผ่า ยืนต้น ตายพราย สังเกตุศรชี้ จะเห็นรอยฟ้าผ่า สีน้ำตาลอ่อนเป็นทางยาว
                    

                      เม็ดประคำโทน แก่นขาม ฟ้าผ่าเม็ดนี้ ศิษย์สุริโย นำมาเป็นตัวอย่างให้เห็นรอยฟ้าผ่าที่ดูง่ายมาก จะสังกตุเห็นรอยฟ้าผ่าสีน้ำตาลอ่อนชัดเจนมาก ถ้าใครเห็นแบบนี้ รีบคว้าเลยนะครับ อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเป็นอันขาด    
                    ไม้ตะพดฤาษี นี้ท่านผู้รู้กล่าวไว้ว่า มีอานุภาพสูงมาก ถ้าบูชาไว้กับบ้าน จะช่วยป้องกันภูตผี ปีศาจ และ ภยันตรายต่าง ๆ อันเกิดจากอำนาจมืด วิชาชั่วร้ายของคนมีวิชาอาคม ที่อาจจะปล่อยของล่องลอยมาทำมิดีมิรายกับบ้านเรือนและผู้คนในบ้านของเราได้  ไม้ตะพดนี้ กล่าวกันว่า ภูตผีเกรงกลัวยิ่งนัก ถ้าผีเข้าสิงใคร เพียงเอาปลายไม้วางบนศรีษะ ผีนั้นก็จะออกจากร่างและเผ่นหนีไปทันที  แม้แต่เทวดาเกเรบางตนที่ชอบมารังแกมนุษย์ เพียงเห็นไม้ตะพด ก็จะหลีกเลี่ยง ไม่กล้าสำแดงอิทธิปาฏิหาริย์ใด ๆ ได้เลย คนโบราณเอาไม้ตะพดแช่น้ำ ทำน้ำมนต์ อธิษฐานจิต ขอให้พระเจ้า 5 พระองค์ ช่วย แล้วเอาน้ำมนต์ประพรม อาบกิน  คนไข้โรคประหลาดจะหายได้
                    ไม้ตะพดฤาษี หรือ ไม้เท้าพ่อครู มีอานุถาพสูงมาก ถึงขนาด หลวงพ่อ ท่านสั่งห้ามนักห้ามหนา ไม่ให้เอาไม้ตะพดตีใครเป็นอันขาด เพราะผู้ถูกตีแม้เพียงเบา ๆ ก็อาจจะพิการไปชั่วชีวิต หรือไม่ก็อาจจะเป็นบ้ารักษาไม่หาย และ ผู้กระทำจะได้รับแรงบาปอย่างมหันต์  หลวงพ่อท่านจึงไม่คอยทำออกมามาก และ จะมอบให้เฉพาะคนที่หลวงพ่อพิจารณาแล้วเท่านั้น เพราะว่าหากตกไปอยู่กับคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม อาจจะนำไปใช้ในทางที่ผิด บาปที่ได้รับนอกจากจะส่งแรงแก่คนทำแล้ว ยังเลยมาลงโทษอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาด้วย ท่านจึงกำชับให้ผู้ที่ได้รับไม้ตะพดจากหลวงพ่อ  ให้บูชาไว้กับบ้านเท่านั้น จึงเป็น เครื่องราง ของขลัง ของหลวงพ่อสังข์ ที่พบเห็นได้ยาก และ หายากมากที่สุดขนิดหนึ่งครับ