วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเล่า หลวงพ่อสังข์ ตอน ข้าวเหนียวดำ 9 ก้อน บูชาราหู

 

                        พระครูอุดมวรเวท (หลวงพ่อสังข์ สุริโย) วัดนากันตม เกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ เป็นช้างเผือกในป่า ซึ่งกว่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปทุกวันนี้นั้น ผู้เขียนฟังจากคำบอกเล่าของ เฮียหยวย สันติยนต์ ว่าส่วนหนึ่ง เกิดจากลูกศิษย์จากอำเภอเมืองศรีสะเกษ กลุ่มหนึ่ง จำนวน 4 คน เป็นผู้บุกเบิกและเผยแพร่ชื่อเสียงของหลวงพ่อสังข์ ให้ชาวศรีสะเกษได้ทราบในเวลาต่อมา ประกอบไปด้วย

                              1. เฮียหยวย สันติยนต์ ร้านขายอะไหล่รถยนต์ ในเมือง ศรีสะเกษ                                
                              2. จ่าลพ จ่าตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองศรีสะเกษ
                              3. เถ้าแก่ ร้านซ่อมนาฬิกาแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองศรีสะเกษ
                              4. เฮียอ้วน ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ในอำเภอเมืองศรีสะเกษ

                         สี่สหายกลุ่มนี้(ถ้าข้อมูลบุคคลคลาดเคลื่อนขออภัย) รู้จักหลวงพ่อสังข์ เนื่องจาก การชักชวนของจ่าลพ ผู้ชอบ เสาะแสวงหา พระเครื่อง เครื่องราง ของขลัง เทวรูป ของเก่าต่าง ๆ เอาไปฝากให้เจ้านาย หรือ ถ้ามีราคาสูงก็ส่งขายร้านของเก่าในกรุงเทพ ฯ จ่าลพ มาชักชวน 3 สหาย ให้ไปหา หลวงพ่อสังข์ ที่วัดนากันตม ตอนนั้น ถนนสาย 24 โชคชัย - เดชอุดม ยังไม่มี ต้องบุกป่าฝ่าดง เข้าไปหาหลวงพ่อทางโรงเลื่อยกันทรลักษ์ ใช้เวลาเป็นเกือบครึ่งวันกว่าจะเข้าไปถึงวัด เห็นหลวงพ่อกำลังทำผงพุทธคุณ บดผงว่าน 108 ชนิด ผสมครั่ง พอถาม หลวงพ่อบอกว่า จะทำวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เพื่อนำไปให้ลูกศิษย์บูชา  หาเงินสร้างโบสถ์ ทั้ง 4 คนเห็นแล้วก็ได้แต่ รำพึง เนื่องจากว่า พระก็ไม่สวย เป็นรูปใบหน้าของอะไรก็ไม่รู้ สีก็ออกดำ ๆ แถมยังไม่ตั้งราคาจำหน่ายอีกต่างหาก แล้วแต่ลูกศิษย์จะให้ แล้วเมื่อไหร่หนอถึงจะได้ปัจจัยพอสร้างโบสถ์เสร็จเล่า หลังจากนั้น หลวงพ่อก็แจกพระโคโพธิสัตว์ คนละองค์ ทั้ง 4 ก็ถวายปัจจัยไปตามสมควร แล้วก็กลับออกมานอนที่ตัวอำเภอกันทรลักษ์


                        หลังจากนั้น พอนำพระโคไปใช้  ก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ในทางที่ดีขึ้น กิจการค้าขายก็เจริญรุ่งเรือง ที่เคยมีอุปสรรคก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีประสพการณ์แคล้วคลาดแบบแปลก ๆ  อย่างไม่น่าเชื่อหลายต่อหลายครั้ง จึงชวนกันไปที่วัดอีก คราวนี้ต้องแปลกใจ เพราะมีลูกศิษย์จากกรุงเทพฯ มาทำบุญที่วัดมากขึ้น มีทั้ง พ่อค้า นายทหาร นายตำรวจ นายแพทย์ใหญ่ มาทำบุญที่วัด ขนหิน อิฐ ทราย ปูนซิเมนต์ เหล็กเส้น และ อื่น ๆ มาช่วยหลวงพ่อสร้างโบสถ์ซึ่งเห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ทั้ง 4 คน ก็เริ่มทำบุญมากขึ้น หาอุปกรณ์การก่อสร้างชนิดต่าง ๆ ไปช่วยหลวงพ่อมากขึ้น และ ก็ไปหาหลวงพ่อบ่อยขึ้นจนคุ้นเคยกัน คราวนี้ หลวงพ่อมีวัตถุมงคลอะไรแปลก ๆ ก็จะมาแจกให้ 4 คนนี้ เพราะตอนนี้ถือว่าเป็นศิษย์เอกไปเสียแล้ว


                    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อบอกว่า เมื่อถึง วัน เดือน ปี นั้น ให้ทั้ง 4 สหาย มาหาหลวงพ่อตอนบ่าย ๆ ให้ถึงวัดให้ได้ จะทำพิธีสำคัญอย่างหนึ่งให้ แต่ไม่บอกว่าเป็นอะไร เพียงแต่กำชับให้มาหาหลวงพ่อให้ได้ ทั้ง 4 คน เมื่อถึงวันดังกล่าว 4 สหายนัดกันไปหาหลวงพ่อตั้งแต่เช้า ถึงวัดประมาณเที่ยงเศษ พอถึงวัดก็ต้องแปลกใจ วันนั้น วัดเงียบสงบ คิดว่าหลวงพ่อไม่อยู่ เพราะประตูกุฎิหลวงพ่อปิด ชั่วอึดใจ หลวงพ่อก็เปิดประตูออกมา  เรียกเข้ามาข้างใน ปิดประตูและพาขึ้นไปชั้นบนของกุฎิ เห็นหลวงพ่อตั้งเครื่องบูชาหลายชนิด ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน มีข้าวปลาอาหาร ของคาว ของหวาน หลายชนิด บูชาอยู่หน้าโต๊ะหมู่ของท่าน ทั้ง 4 คน สังเกตุเห็น ในพานที่วางไว้ในพิธี มีข้าวเหนียวดำปั้นพอคำวางไว้หลายก้อน หลวงพ่อบอกให้ทุกคนนั่งลง อยู่ในความสงบ หลวงพ่อสวดคาถาเป็นภาษาบาลีซึ่งฟังไม่ออกอยู่นานนับชั่วโมง เมื่อถึงเวลาที่หลวงพ่อกำนด หลวงพ่อเร่งสวดคาถาเร็วขึ้น และ หยิบข้าวเหนียวในพานให้ ทั้ง 4 สหาย คนละ 9 ก้อน และ บอกให้รีบกินให้หมด เพราะข้างนอกเกิดสุริยุปราคา และ กำลังจะคลายตัวออกแล้ว ทั้ง 4 คนจึงรีบกินเมื่อกินหมดทุกคนแล้ว หลวงพ่อก็หยุดสวด ประพรมน้ำมนต์ให้ทุกคน และ ให้กลับบ้านทันที มีอะไรวันหลังค่อยมาหาใหม่ เมื่ออกมาจากวัดแล้ว ทั้ง 4 ได้แต่แปลกใจว่า หลวงพ่อรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรหนอ ว่าบ่ายวันนี้  จะเกิดสุริยุปราคา   ซึ่งเป็นปรากฎการณ์เงาดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ อยู่ข้างในห้อง รู้ได้อย่างไรหนอว่า สุริยุปราคากำลังคลายตัวออกมาจนจะหมดแล้วให้รีบกินข้าว พอถึงวันหลังไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่ออธิบายให้ฟังว่า เป็นการบูชาพระราหูด้วยของดำ แต่ที่พิเศษคือ ข้าวเหนียวดำคนละ 9 ก้อน นั้นทำพิธีให้ศิษย์เอกทั้ง 4 คน เป็นพิเศษ เพื่อก่อให้เกิดความเป็นศิริมงคลของชีวิต และ เป็นการเสริมดวง กันและแก้ดวงตก  อีกทั้งให้มีโชค มีลาภ ชีวิตจะพบแต่ความสูข ความเจิญรุ่งเรือง แต่สิ่งที่ทุกคนสงสัย กลับไม่มีใครกล้าถาม จนกระทั่งหลวงพ่อมรณภาพ ก็เลยทิ้งเป็นปริศนาไว้จนทุกวันนี้






                   คติธรรมต่างๆเกี่ยวกับพระราหูนั้นเห็นได้ว่าพระราหูเป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ พลังอำนาจแห่งพระราหูเป็นพลังงานอันเร้นลับ แม้รูปเคารพแห่งพระองค์ปรากฏอยู่ ณ สถานที่ใด สถานที่นั้นย่อมปลอดภัยจากภูตผีปีศาจ ด้วยเดชบารมีอันน่าเกรงขามแห่งพระราหู

          อิทธิคุณของพระราหูนั้นเรียกว่าครอบจักรวาล ดังนี้
                   1. เด่นเรื่องมหาอุตม์คงกระพัน ผู้ครอบครองย่อมไม่มีวันตายโหง
                   2. คุ้มครองให้พ้นจากอัคคีภัย โจรภัย ฟ้าฝ่า
                   3. คุ้มครองให้พ้นภัยจากอำนาจภูตผีปีศาจมนต์ดำ คุณไสยทั้งปวง
                   4. เรียกทรัพย์สินเงินทองทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
                   5. ทำให้พืชพรรณที่ปลูกบริบูรณ์ให้ผลดี
                   6. เป็นเมตตามหานิยม
                   7. ทำให้ผู้บูชามีสุขภาพแข็งแรงห่างจากโรคพยาธิ
                   8. ค้ำชูดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ แม้ยามพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็ตาม

วิธีบูชาพระราหู
               การบูชาพระราหูนั้นคตินิยมมักทำบูชากันในวันพุธกลางคืน เพราะถือว่าเป็นวันเวลาแห่งพระราหู เพราะราหูเป็นเทพนพเคราะห์ประจำวันพุธกลางคืนนั่นเอง การบูชาจึงมักเริ่มในวันพุธ หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว  หรือในเวลาค่ำ ของถวายจะใช้เป็นของดำ เพราะถือว่าเป็นสีแห่งพระราหูเช่นกันทั้งนี้เนื่องจากคติที่พระราหูมีกายดำ เป็นคราสหรือเงามือนั่นเอง ของดำที่ถวายพระราหูนั้นมักใช้ 8 อย่าง ที่เป็นเลข8 นั้น เพราะเลข8 หมายถึงพระราหู (พระราหูเป็นเทพนพเคราะห์องค์ที่8 ในจำนวน 9 พระองค์ด้วยกัน) ของดำ 8 อย่างนั้นได้แก่
                   1. ข้าวเหนียวดำ
                   2. งาดำ
                   3. ถั่วดำ
                   4. ขนมเปียกปูน
                   5. เฉาก๊วย
                   6. องุ่นดำ หรือลูกหว้า (ผลไม้ที่มีสีดำ)
                   7. ช็อกโกแลต
                   8. เหล้าดำหรือ กาแฟ (เครื่องดื่มที่มีสีดำ)

                นอกจากเครื่องสังเวยพระราหูทั้ง 8 อย่างนี้อาจมีอย่างอื่นอีกก็ได้ เช่นไก่ดำ  หรือไข่เยี่ยวม้า หรือของคาวอื่นๆขนมหวาน ผลไม้อื่นที่ท่านหาซื้อได้ แต่มักเอาแค่ 8 อย่างเท่านั้น ตั้งบูชากลางแจ้ง จุดธูป 8 ดอกบอกกล่าวท่องพระคาถาตามที่ให้ไว้ และระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ พระฤาษีผู้ทรงคุณ และคุณพระราหูเป็นที่สุดขอจงอวยพรแก่ข้าพเจ้าผู้กระทำบวงสรวงนี้ จากนั้นปรารถนาสิ่งใดก็บอกกล่าวไป หากสำเร็จตามที่มุ่งหวังแล้วควรให้ทำบุญใส่บาตรอุทิศให้ครูบาอาจารย์และองค์พ่อพระราหูด้วยท่านจะเกิดลาภผลยิ่งๆขึ้นๆไป





                      แต่สิ่งหนึ่ง ที่ลูกศิษย์รับรู้ได้ก็คือ หลวงพ่อสังข์ มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องอสูรราหู มากที่สุด ซึ่งเครื่องราง ของหลวงพ่อสังข์ มีรูปอสูรราหูอมจันทร์ อยู่ตั้งหลายแบบ ใครยังไม่มี รีบหาไว้ใช้นะครับ ดีแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

กุมารทอง


                       กุมารทอง เนื้อผงพุทธคุณ ผสมครั่งและผงว่าน 108 คลุกรัก ปิดทองพองาม หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

 

                   พิมพ์ยืน พนมมือไหว้ อย่างนอบน้อม สวยงาม นุ่งห่มผ้า ชุดไทยโจงกระเบน เรียบร้อย ไม่โป๊เปลือย ปล่อยให้เห็นอวัยวะเพศ เหมือนเกจิอาจารย์บางองค์ที่สร้างกันอยู่ทั่วไป ฝังกริ่ง เขย่าดูแล้วเสียงกริ่งเพราะ ฟังนุ่นหูมาก เหมือนใส่ลวดสปริงไว้ข้างในด้วย ที่รอบเอว พันด้วยด้าย สายสิญจน์เสก ครบสูตร

 

                    ดูหน้าตา ของกุมารทอง ชัด ๆ ครับ มองเห็น คราบไคล ความเก่า ได้อายุครับ


อีกมุมครับ พนมมือแต้เชียว


                          หลังประทับยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ ตามสูตรเป๊ะ ส่วนพุทธคุณนั้น ก็คงจะเหมือนกุมารทองที่สร้างกันอยู่ทั่วไป ส่วนใหญ่ก็มุ่งเน้นทางด้าน ขอโชค ขอลาภ  เมตตามหานิยม ค้าขาย คุ้มครองบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระโคโพธิสัตว์ พิมพ์เล็ก


                   พระโคโพธิสัตว์ เนื้อผงพุทธคุณ 108 ผสมผงว่าน 108  เกสร 108 และอื่น ๆ จุ่มรักน้ำเกลี้ยง  พิมพ์เล็ก หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม 


                          ฝังกริ่ง  สังเกตุ ฝีมือการกดพิมพ์คม ชัด ลึก รายละเอียดต่าง ๆ ครบ ฝีมือการจุ่มรัก มีความประณีต สวยงาม
                     หลังจากที่ หลวงพ่อสังข์ มรณภาพในปี พ.ศ. 2526 พระอาจารย์บุญมี เล่าว่า  ลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อ และ ชาวบ้านนากันตม อยากจะได้วัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ของหลวงพ่อไว้บูชา แต่ก็ปรากฏว่าหาไม่ได้ เพราะว่า หมดไปจากวัดเสียแล้ว เมื่อกรรมการวัดตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงพ่อ ปรากฏว่า ได้พบแม่พิมพ์ เครื่องราง ของขลัง บางส่วน รวมทั้ง มวลสารผงพุทธคุณ และ ผงว่านชนิดต่าง ๆ ที่หลวงพ่อได้ทำไว้ก่อนมรณภาพจำนวนหนึ่ง ซึ่งมากพอสมควร จึงได้นำมวลสารนั้นมาจัดสร้าง พระโค พิมพ์เล็กขึ้นมาอีกครั้งโดยใช้แม่พิมพ์เดิม บางส่วนก็แกะบล็อคขึ้นมาใหม่ สร้างได้ได้ประมาณ 1,000 องค์เศษ คณะกรรมการวัดที่สร้าง ได้นำไปวางข้างสรีระของหลวงพ่อ และขอขมา บอกกล่าวให้หลวงพ่อช่วยปลุกเสกให้ แต่ความแตกต่างก็สามารถแยกแยะได้ โดยสังเกตุจาก ห่วงทองแดงที่ลูกศิษย์สร้างขึ้นทีหลังจะเล็กกว่า ความเก่าก็ยังไม่ถึงยุคที่หลวงพ่อสังข์ สร้างและกดพิมพ์เอง รักที่จุ่มก็แตกต่าง พระรุ่นนี้คณะกรรมการวัดได้นำไปแจกจ่ายเป็นที่ระลึกในงานพระราชเพลิงศพของหลวงพ่อในปี พ.ศ.2532