วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ประวัติ พระครูอุดมวรเวท ( หลวงพ่อสังข์ สุริโย )


ประวัติ
พระครูอุดมวรเวท ( หลวงพ่อสังข์  สุริโย )
อดีตเจ้าอาวาส วัดนากันตม และ เจ้าคณะตำบลหนองหว้า
อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

                      พระครูอุดมวรเวท นามเดิมชื่อ สังข์ นามสกุล สลับศรี เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2451 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก บิดาชื่อ นายเหลา สลับศรี มารดาชื่อ นางสิงห์ สลับศรี เกิดที่ หมู่บ้านคำเมย ตำบลดูน อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ มีพี่น้องด้วยกัน 4 คน หลวงพ่อสังข์ สุริโย เป็นคนหัวปี

               เมื่ออายุควรแก่การศึกษาแล้ว บิดามารดานำไปฝากเรียนจนจบอ่านออกเขียนได้ แล้วออกมาช่วยพ่อแม่ประกอบกิจการทำไร่ไถนา อายุ 17 ปี ได้นำไปให้บรรพชา ณ สำนักบ้านคำเมย ตำบลดูน อำเภอกันทรารมย์ บรรพชาอยู่ 2 ปี จึงได้ลาสิกขาออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานชั่วระยะหนึ่ง เมื่ออายุครบอุปสมบทแล้ว บิดามารดาจึงนำไปบวช ณ สำนักบ้านบก ตำบลบก อำเภอกันทรารมย์ ซึ่งมีพระอาจารย์โส เป็นพระอุปัชฌาย์ มีนามฉายาว่า " สุริโย " ได้เล่าเรียนอยู่ในสำนักพระอุปัชฌาย์นานถึง 3 ปี พ.ศ. 2475 ย้ายไปเรียนหนังสืออยู่วัดหนองปลาเข็ง ตำบลบก อำเภอกันทรารมย์ ซึ่งมีพระอาจารย์โต๊ะ เป็นเจ้าสำนักเรียน เป็นเวลา 2 ปี ปี พ.ศ. 2477 ย้ายไปจำพรรษาเล่าเรียนอยู่กับ พระอาจารย์อ้วน โสภโณ  สำนักวัดบ้านหนองดินดำ ตำบล - อำเภอเดียวกัน ที่สำนักนี้เอง พระอาจารย์อ้วน ซึ่งนับว่าเป็นเกจิอาจารย์องค์หนึ่งที่มีชื่อเสียง คนเคารพนับถือมาก ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมความรู้ต่าง ๆ ให้ และตัวหลวงพ่อสังข์เองก็มีความเคารพนับถือในพระอาจารย์อ้วนมาก ต่อมาท่านทั้ง 2 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรพร้อมกัน ในปีเดียวกัน คือปี พ.ศ. 2512 ( พระอาจารย์อ้วน ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรที่ พระครูโสภณคุณากร )

                 ย้อนหลังไปก่อนที่ท่านจะย้ายมาอยู่วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ ได้มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งย้ายมาจากอำเภอกันทรารมย์ ได้มาบุกเบิกทำไร่ไถนากันที่บ้านนากันตมในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีพ่อใหญ่สีดา คำดี เป็นหัวหน้า ประมาณ ปี พ.ศ. 2475 - 2476 ในกลุ่มที่มาครั้งนั้น นอกจากพ่อใหญ่สีดา คำดี แล้ว ที่พอจะทราบชื่อคือ พ่อใหญ่สี ด้วงทอง พ่อใหญ่สวน ศรเพ็ชร์ พ่อใหญ่เทพ วารินทร์ พ่อใหญ่โสภา บุญสร้อย และ พ่อใหญ่อ่อนสา บุญพอ ต่อมาทางราชการได้ให้จัดเลือกหาผู้ใหญ่บ้านที่จะมาปกครองดูแลให้ถูกต้องเป็นหมู่บ้าน จึงได้เลือก นายสง่า คำผุย เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของชาวบ้านนากันตม ซึ่งท่านผู้นี้ อดีตเคยรับราชการตำรวจมาก่อน

                 ครั้นต่อมามีพระอาจารย์องค์หนึ่ง มาจากบ้านหนองบักแซว ตำบลดูน อำเภอกันทรารมย์ ได้มาเยี่ยมญาติโยม ที่บ้านนากันตม ญาติโยมมีศรัทธานิมนต์ให้อยู่เพื่อสร้างวัด หาสถานที่ให้และสร้างกุฏิหลังเล็ก ๆ พออยู่อาศัยได้ไปก่อน พระอาจารย์รูปนี้ชื่อว่า ท่านญาครูทา มาอยู่ไม่นานก็ลากลับไปวัดเดิม ต่อมามีพระอาจารย์อีกรูปหนึ่ง มาเยี่ยมญาติโยมเช่นกันชื่อว่า ท่านญาครูไถ่ มาอยู่จำพรรษาได้ถึง 3 พรรษา แล้วก็ลาสิกขาไป ทางวัดจึงว่างพระลง และในระยะติดต่อกันนี้เอง มีพระอาจารย์สังข์ สุริโย ท่านได้เดินทางมาเยี่ยมโยมพ่อ โยมแม่ ที่ย้ายมาจากบ้านคำเมย ตำบลดูน อำเภอกันทรารมย์ มาตั้งหลักปักฐานที่บ้านนากันตม ชาวบ้านจึงมีความศรัทธาเลื่อมใส ขอนิมนต์ให้ท่านอยู่จำพรรษา ท่านก็รับนิมนต์ ฉลองศรัทธาของญาติโยม แต่ท่านมีข้อแม้อยู่ว่า ถ้าจะให้ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดนากันตมนี้ ก็ให้ญาติโยมไปขออนุญาต กราบไหว้ขอจากท่าน พระอาจารย์อ้วน วัดบ้านหนองดินดำก่อน ที่เป็นอาจารย์ของท่าน ให้ถูกต้องตามแบบแผนธรรมเนียมประเพณี ญาติโยมทั้งหลาย หาฤกษ์งามยามดีแล้ว จึงได้เดินทางพากันไปกราบนมัสการขอจากท่านพระอาจารย์อ้วน วัดบ้านหนองดินดำ ตำบลบก อำเภอกันทรารมย์ ญาติโยมที่ไปครั้งนั้นมี พ่อใหญ่อ่อนสา บุญพอ พ่อใหญ่โสภา บุญสร้อย พ่อใหญ่สี ด้วงทอง และ พ่อใหญ่เทพ วารินทร์ เป็นต้น เมื่อพระอาจารย์อ้วน ได้ทราบความประสงค์แล้ว ท่านได้อนุญาตให้ตามความประสงค์จำนงค์หมาย ไม่ขัดข้อง แต่ได้พูดสั่งเตือนกับญาติโยมว่า " ท่านญาครูสังข์นี้ เป็นคนฮ้าย (ดุ) เอาใจยากเลอโยม เป็นคนใจเด็ด จิตใจเข้มแข็ง พูดจริง ทำจริง ตรงไปตรงมา ขอให้ญาติโยม จงคอยเอาอกเอาใจท่านนะ จะได้คนดีไปอยู่นำ ได้พึ่งพาอาศัยเป็นหลักมั่นคงในบวรพระพุทธศาสนาสืบไป " ญาติโยมรับฟังด้วยความปิติยินดีนับถือปฏิบัติตามแล้ว กราบลาท่านมาด้วยความสุขสบายใจยิ่ง พอมาถึงวัดนากันตมก็เข้าไปกราบบอกให้ท่านทราบว่า ได้รับอนุญาตจากท่านพระอาจารย์อ้วน เรียบร้อยดีทุกประการแล้ว ไม่ขัดข้อง 



พระครูโสภณคุณากร ( พระอาจารย์อ้วน  โสภโณ )
พระอาจารย์ ของ หลวงพ่อสังข์

                        ตลอดระยะเวลาที่พระอาจารย์สังข์ สุริโย ได้ย้ายจากท่านพระอาจารย์อ้วน วัดบ้านหนองดินดำ ตำบลบก มาอยู่วัดนากันตม ตำบลหนองหว้า อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ท่านก็ได้ทำการบุกเบิกสร้างวัด พัฒนาวัดตลอดมา สร้างกุฏิ โบสถ์ ศาลา เป็นไม้หลังขนาดใหญ่ สามารถรองรับกุลบุตร - ธิดา และประชาชนได้ไม่คับแคบ โบสถ์เป็นครึ่งไม้ครุ่งอิฐ สำหรับกุฏิกับศาลาตอนหลังท่านรื้อไปสร้างดรงเรียนให้เด็กเรียน ต่อมา กุฏิ โบสถ์ ศาลา ท่านสร้างเป็นคอนกรีตทั้งหมด ฉะนั้นสริ่งก่อสร้างในวัดนากันตม ท่านจะเห็นว่าเป็นคอนกรีตทั้งหมด สิ่งก่อสร้างภายในวัดคิดเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท หลายสิ่งหลายอย่าง ยากที่จะเขียนบรรยายลงในที่นี้ได้ มีรูปท้าวเวสสุวรรณหล่อขนาดใหญ่ยืนอยู่หน้าวัด ท่านเขียนเป็นคติไว้ว่า "มาดีมีชัย มาดีมีโชค มาร้ายยักษ์กิน "



รูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ

                          ด้านหลังวัด มีรูปพระแม่ธรณีมวยผม หมอชีวกโกมารภัทร์ฤาษี วิหารพระและสระน้ำขนาดใหญ่ ทางด้านทิศเหนือหมู่บ้านก็มีสระน้ำขนาดใหญ่ มีเกาะกลางน้ำ บนเกาะสร้างศาลาที่พักผ่อนให้เป็นปอดของหมู่บ้าน แต่ขณะนี้ทำเป็นหอกระจายข่าวสูง 3 ชั้น ตลอดทั้งสถานีอนามัยประจำหมู่บ้าน แท้งค์น้ำคอนกรีตขนาดใหญ่ ต่อท่อประปาไปใช้ที่วัด ตัดถนนหนทาง ทำถนนออกไปสู่ถนนหลวงสายโชคชัย - เดชอุดม ( ถนนหลวงหมายเลข 24 ) เป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร ให้การคมนาคมไปมาสะดวก ได้ทำการขอร้องการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคช่วยดำเนิการสร้างไฟฟ้าเข้าสู่หมู่บ้าน ท่านได้ทำทุกอย่างที่จะนำความเจริญมาสู่หมู่บ้าน ที่เราท่านได้รับความสะดวกสบายขณะนี้ ก็เพราะได้อาศัยบุญบารมีของหลวงพ่อที่ทำไว้ แม้แต่สัตว์ นก กา ต่าง ๆ ยังไปอาศัยหลับนอนที่วัด ตามต้นมะพร้าว ที่ท่านปลูกไว้ ในตอนเย็นท่านจะเห็น นก กา เป็นจำนวนนับพันตัว ในวัดท่านร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ ยากที่อื่นจะเสมอเหมือน



รูปปั้นพระแม่ธรณีมวยผม


รูปปั้นหมอชีวกโกมารภัทร์ฤาษี

                   ฉะนั้น นับตั้งแต่หลวงพ่อ ได้มาอยู่สร้างสรรค์ให้แก่ศาสนาบ้านเมือง ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งดังต่อไปนี้

                  พ.ศ. 2479     เป็นเจ้าอาวาส วัดนากันตม
                  พ.ศ. 2493     เป็นเจ้าคณะ ตำบลหนองหว้า      (ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็น ตำบลสังเม็ก) อำเภอกันทรลักษ์
                  พ.ศ. 2494     เป็นพระอุปัชฌาย์
                  พ.ศ. 2512     เป็นพระครูอุดมวรเวท

              ตลอดชั่วชีวิตท่าน ไม่เคยนิ่งเฉยในหน้าที่การงานทำความดี การว่างงานไม่มี บางครั้งต้องจุดตะเกียงทำงาน จะหยุดก็เวลานอน ญาติโยมมาหามาเยี่ยม กลางวันเห็นเงียบไปในห้องนั้น ไม่ใช่ท่านจำวัด แต่ท่านกำลังเขียนตะกรุดคาถา ลงเครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล ไว้แจกให้ลูกศิษย์และญาติโยมที่มีศรัทธา วัตถุมงคลทุกอย่างท่านจะทำเอง ปลุกเสกเอง ทำได้สวยงามถูกต้องตามตำหรับตำรา ทำสิ่งแปลก ๆ ยากที่จะหาเกจิอาจารย์อื่นทำได้เสมอเหมือน วัตถุมงคลของท่านใครได้รับไปคงจะทราบความสำคัญ ความศักดิ์สิทธ์ ถ้าท่านไม่ประมาท มีศรัทธามั่นคง วัตถุมงคลของท่านต่อไปจะหาค่า(บ่)มิได้ เมื่อท่านมีแล้วเก็บรักษาไว้ให้ดี จะนำมงคลมาสู่ท่าน(แน่นอน)


โบสถ์มหาอุด วัดนากันตม


                             เหนือซุ้มประตูโบสถ์ ทั้ง 4 ด้าน มีรูปปั้น พญาราหูอมจันทร์ เพื่อกันและแก้ของอาถรรพ์และสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปในบริเวณโบสถ์มหาอุดได้


ซุ้มประตูทางเข้ากุฏิของ หลวงพ่อสังข์


                           เหนือซุ้มประตู มีรูปปั้นพญาราหูอมจันทร์ อีกลักษณะหนึ่ง ( สังเกตุให้ดี อยู่ในกรอบ 3 เหลี่ยม ) เช่นกัน

                       ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ตรากตรำในหน้าที่การงานมาก ในปี พ.ศ. 2525 - 2526 ท่านได้เริ่มเป็นหวัด มีอาการไอเล็กน้อย ไปตรวจเช็คกับหมอ ฉายเอ็กซเรย์ดู หมอวิเคราะห์แล้วบอกว่า ที่ผนังปอดมีฝ้า คล้ายฝุ่นปูนเกาะจับบาง ๆ ทำให้ระคายเคือง ทำให้มีอากรไอ หมอให้หยุดพักผ่อนให้มาก อย่าทำเกี่ยวกับของที่มีฝุ่น เช่น ปูน ทราย หิน เป็นต้น แต่หลวงพ่อหยุดงานไม่ได้ เสมือนรักงานยิ่งกว่าชีวิตเจ้าของ ฉันอาหารได้เล็กน้อย ทำให้อ่อนเพลียมาก จึงได้นำเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดอุบลราชธานี และ โรงพยาบาลจังหวัดศรีสะเกษ อาการการก็ไม่ดีขึ้น ต้องทำการรักษาอยู่นาน แต่หลวงพ่อไม่อยากอยู่ จะขอกลับไปรักษาที่วัด ท่านเป็นคนเข้มแข็งและอดทนมาก ในที่สุดก็กลับไปรักษาที่วัดในราวต้นเดือน กรกฎาคม 2526

                วันที่ 19 กรกฎาคม 2526 เวลา 11.00 น. เศษ ท่านนอนตะแคงเบื้องขวา เหยียดตัวนิ่ง ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมว่า เราจะต้องละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว จะรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ขณะนั้นคงจะตั้งสติระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์ หรือบทใดบทหนึ่งแน่นอน อาการของท่านจึงสงบลงไปด้วยดีทั้ง กาย วาจา ใจ ไม่สะดุ้งสะเทือน การงานเรื่องราวภาระของท่านสุดสิ้นปิดฉากลงแล้ว บารมีที่สร้างสมไว้ในชาตินี้ วินาทีนี้ก็จบสิ้นยุติลง บุญกุศลเท่านั้นที่เป็นเสบียงกรัง นำติดตัวไปในชาติ - ภพ - ภูมิ ข้างหน้าต่อไป

                  ด้วยอำนาจบุญกุศลและสัมมาปฏิบัติ ที่หลวงพ่อได้บำเพ็ญมา และทุกท่านได้จัดบำเพ็ญอุทิศถวายตลอดมา ตั้งแต่ต้น จนถึงวาระพระราชทานเพลิงนี้ จงสัมฤทธิ์เป็นพรวปัจจัยอำนวนอิฏฐ์วิบุลมนุญผล เป็นปัตตานุโมทนามัย น้อมถวายแด่ ท่านพระครูอุดมวรเวท ( หลวงพ่อสังข์ สุริโย ) ในสุคติสัมปรายภพภูมิ สถิตสถาพรตลอดกาลเป็นนิตย์เทอญ ท้ายนี้ ขอขอบคุณ คุณครูใหญ่บุญมี ผูกพันธ์ ที่ได้รวบรวมประวัติของหลวงพ่อมาให้ และอาจขาดตกบกพร่องบ้าง หวังได้รับอภัยจากทุกท่าน เพราะได้รีบตีพิมพ์ให้ทันงานคราวนี้                                                                                                                 คณะญาติโยมศิษยานุศิษย์                                                                                             29 มกราคม 2532

                   คัดลอกจากหนังสือ  พิธีชีวิต  ซึ่งพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูอุดมวรเวท ( หลวงพ่อสังข์  สุริโย )  ณ เมรุวัดบ้านนากันตม  อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 18 - 19 มีนาคม  พ.ศ. 2532




วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

นางสิกขี(ทรงเครื่อง) หลังเรียบโค้ง


                         นางสิกขี(ทรงเครื่อง) ฝีมือการสร้างโดยแกะบล๊อคเอง และปลุกเสกเอง โดยสุดยอดเกจิอาจารย์สายขอมลาวแดนอีสานใต้นาม หลวงพ่อสังข์  สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ



                      สร้างด้วยเนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงว่าน 108 คลุกรัก และ จุ่มรักอีกครั้ง พิมพ์นี้ เป็นพิมพ์หลังเรียบ ไม่ประทับยันต์เฑาะว์ และ ไม่ฝังกริ่ง


                        ลักษณะเนื้อดูค่อนข้างละเอียดและเนียนมาก แถมทาทองที่ผิวทั้งองค์ ดูสวยงามและทรงคุณค่ามาก


            ด้านข้าง หลังเรียบโค้งงอ แลดูพองาม และไม่ประทับยันต์ครับ


                     ส่วนพุทธคุณ คงไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว สำหรับเครื่องราง ของหลวงพ่อสังข์ ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อทุกคนทราบดีครับ ส่วนเรื่องราคาซื้อขาย แลกเปลี่ยน ที่แถวศรีสะเกษและ กันทรลักษ์ ใครได้ยินแล้วจะหนาว


หลวงพ่อปากแดง วัดนากันตม

 

หลวงพ่อปากแดง องค์ที่ 1


หลวงพ่อปากแดง องค์ที่ 2


                               จารึกอักษร ปีที่สร้าง พ.ศ. 2482 ไว้ที่ฐานพระทั้งสององค์




วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ปลัดหัวปลาไหล


                 ปลัดหัวปลาไหล ไม้แก่นขามแกะ ฝีมือการแกะ และ ปลุกเสกโดย สุดยอดเกจิอาจารย์ขมังเวทย์ แดนอีสานใต้ พระครูอุดมวรเวท ( หลวงพ่อสังข์  สุริโย ) วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


หลวงพ่อ ลงเหล็กจาร เต็มไปหมดทั้งตัวปลัดครับ



บรรยายด้วยภาพครับ




                 ปลัดหัวปลาไหลตัวนี้ ผมได้มาตั้งแต่เริ่มสะสมเครื่องราง ของขลัง หลวงพ่อสังข์ ใหม่ ๆ ประมาณ ปี 2535 - 2536 ราคา 600 บาท ครับ



                      สมัยนั้น ปลัดตัวนี้ราคาแพงกว่าเหรียญนะครับ เพราะว่าเหรียญรุ่นแรก บล๊อคนิยมมีเม็ดตา สวย ๆ รมดำเต็มเหรียญ จมูกไม่แดง ราคาแค่เหรียญละ 200 - 300 บาทเอง









ส่วนหัวปลัด ไม่มีการอุดกริ่งครับ


                  ส่วนท้ายของปลัด ไม่มีการอุดกริ่ง และ ไม่มีรอยเหล็กจารครับ



ขอกราบ หลวงพ่อสังข์ สุริโย ด้วยความศรัทธายิ่งครับ

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ล็อคเก็ต


              ล็อคเก็ต หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นภาพของหลวงพ่อ ที่ถ่ายไว้เมื่อคราวยังเป็นพระภิกษุในวัยหนุ่ม ตั้งแต่สะสมมา เพิ่งพบเพียงชิ้นเดียว


                ด้านหลังจะมีรูปยันต์ เป็นรูป 4 เหลี่ยม ขมวดวงกลมทั้ง 4 มุม ด้านใน เป็นรูป 4 เหลี่ยม วางซ้อนลงไปในแนวเฉียง ขมวดวงกลมที่มุมทั้ง 4 ด้านเช่นกัน ปรากฏยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อ อยู่ตรงกลางชัดเจน ภายในรูปยันต์ 3 เหลี่ยม ล้อมรอบยันต์เฑาะว์ทั้ง 4 ด้าน ปรากฎยันต์ พุท ธะ สัง มิ ซึ่งเป็น หัวใจยอดศีล ส่วนยันต์ ในวงกลมที่ขมวดไว้ที่มุมทั้ง 8 มุม ตัวเล็กมาก อ่านไม่ออก และ เดาไม่ถูก จริง ๆ ครับพี่น้อง


 ภาพที่ปรากฎในล็อคเก็ต มาจากภาพนี่แหละครับ

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปลัดขิกนางแอ่น


               ปลัดนางแอ่น แกะด้วยไม้แก่นขาม ฝีมือการแกะและปลุกเสกโดย พระครูอุดมวรเวท(หลวงพ่อสังข์ สุริโย) วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                สุดยอดเครื่องราง ของขลัง ที่หาได้ยากมากอีกชนิดหนึ่ง ของหลวงพ่อสังข์ เพราะว่า การที่จะหาไม้แก่นขาม ได้สักชิ้น ยากพอ ๆ กับงมเข็มในก้นอ่าว เนื่องจาก ต้นมะขาม หนึ่งในล้านต้นหรือมากกว่าจึงจะมีแก่น และการที่จะนำมาทำเป็นวัตถุมงคล จะต้องทำพิธีพลีกรรม ขอจากนางไม้ เทวดา และเจ้าป่าเจ้าเขาที่รักษาต้นมะขามนั้น จึงจะทำได้


                 แกะเป็นรูปนางแอ่น แต่จะครวญด้วยหรือไม่นั้นให้เพื่อน ๆ วิเคราะห์และพิจารณากันเอาเอง


                     ที่ท้องรอบสะดือของนาง หลวงพ่อจารยันต์ นะมหานิยม ไว้ชัดเจน ส่วนที่ท้องด้านข้าง 2 ด้าน  และ ใต้สะดือลงมานั้น หลวงพ่อจารยันต์ มะ อะ อุ กำกับนะมหานิยมเอาไว้โดยเฉพาะตัว อุ หลวงพ่อลากหางยาวเลื้อยลงมาจมหายเข้าไปในอวัยวะส่วนสำคัญที่สุดของนาง ที่แต้มสีแดงเรื่อ ๆ ไว้นั่นแหละ


                ส่วนใต้หว่างขาของนางลงมา หลวงพ่อจารยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ หรือ เฑาะว์มหาพรหม หรือ บางท่านเรียกว่า เฑาะว์ขึ้นยอด ไว้เพื่อเป็นเอกลักษณ์ ว่าเป็นของ หลวงพ่อสังข์ สุริโย ชัดเจนครับ


                แก้มปลัดด้านนี้ หลวงพ่อจารยันต์ อุ มะ ส่วนที่ลำตัวด้านข้างของปลัด อ่านไม่ออก และเดาไม่ถูกจริง ๆ ครับ ว่าจารยันต์อะไร



                  ส่วนอีกด้านของแก้มปลัด หลวงพ่อจารยันต์ อุ มิ ครับ ซึ่งยันต์ อุมะ อุมิ นี้ หลวงพ่อสังข์ จะลงเหล็กจารไว้ที่ตัวปลัดที่หลวงพ่อสร้างไว้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเขาควาย งาช้าง หรือไม้แกะก็ตาม


ด้านใต้ท้องปลัดครับ


                ใต้ท้องปลัด หลวงพ่อจะจารยันต์นะ ไว้สองตัว ตัวบน ผมไปค้นคว้ามาจากในตำรานะเกร็ดปถมัง 108 ซึ่งเรียบเรียงโดย อาจารย์ อุระดินทร์ วิริยะบูรณะ ระบุว่าเป็น นะกวาดกอง แต่มิได้บอกว่าใช้ในทางไหน ส่วนที่ใช้กันอยู่นั้นเข้าใจว่าใช้อุปเท่ห์ตามชื่อของนะนั้น ๆ เช่น นะคง ก็ใช้ทางคงกระพัน เป็นต้น


                ถัดลงมาด้านล่างอีกตัว หลวงพ่อจารยันต์ นะละลวย ครับ ยันต์ตัวนี้ เห็นกันบ่อย ซึ่งเกจิอาจารย์หลายท่านก็นำมาใช้ นะตัวนี้ เด่นทางด้าน เมตตา มหานิยมเป็นเลิศ ครับ


                 ด้านนี้ ลงธาตุสำคัญคือ ตั้งธาตุทั้ง 4 หรือ นะ มะ พะ ทะ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเอง และ ยันต์ นะ มะ พะ ทะ นี้ หลวงพ่อยังจารที่แขน และ ขา ทั้งสองข้างของนาง เอาไว้ด้วย


                  ส่วนด้านนี้ เพื่อให้เข้มขลังเข้าไปอีก หลวงพ่อจารยันต์ หัวใจพระไตรสรณาคม หรือ บางท่านเรียกกันว่า หัวใจยอดศีล คือ พุท ธะ สัง มิ นั่นเอง


                สุดท้าย ปลายหัวปลัด หลวงพ่อฝังกริ่ง อีกต่างหาก เขย่าดู เสียงดังกังวาลดีมากครับ





วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แหวน


                 
            แหวนรูปอาร์ม รุ่นแรก และ รุ่นเดียว ของ หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ สร้างปี พ.ศ.2520




                 เนื้อนิเกิ้ล เป็นรูปหลวงพ่อครึ่งตัว ใต้รูป เขียนคำว่า หลวงพ่อสังข์ สุริโย ชัดเจนครับ ส่วนด้านข้างแถวบน เขียนอักษรย่อ คำว่า ศก อยู่คนละด้าน น่าจะเป็นอักษรย่อ หมายถึง ศรีสะเกษ แถวล่าง ถัดลงมากึ่งกลางแหวน เขียนยันต์ อุณาโลม ไว้คนละด้านเช่นกัน ส่วนขอบนอกเส้นอาร์ม เขียนยันต์ ธาตุพระกรณี (จะ ภะ กะ สะ) ไว้ 4 มุม


ด้านนี้ เขียนยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อ


ด้านนี้ เขียนยันต์ บะขึ้นยอด ถ้าผิดพลาดขออภัยครับ


                    ส่วนใต้ท้องแหวนเขียนยันต์ นะ กะ อะ ปิ (หรือคาถาหัวใจพระเจ้า 4 พระองค์ ) ซ้อนกันอยู่   แหวนรุ่นนี้ นับวันจะหายากมากขึ้นทุกวัน ถึงแม้ราคาจะยังไม่สูง แต่ศิษย์สายตรง ถ้าเจอเป็นเก็บเรียบครับ