วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

คาถาหลวงพ่อสังข์



                   เพื่อน ๆ หลายคน รวมทั้ง ศิษย์สุริโย ด้วยอีกคน พากันสงสัยว่า หลวงพ่อสังข์ สุริโย มีคาถาอาคมประจำตัวบทใดหนอ ที่ได้เคยมอบให้ลูกศิษย์ไว้สวด และใช้อธิษฐานจิตขอพร ก่อนออกเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล มีโชค มีลาภ ชนะศัตรู และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ศิษย์สุริโย จำได้ว่า ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสังข์ คนหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยนาม ท่านคือดาบติ่ง (ดาบตำรวจ โกวิทย์ บุญวงศ์) อดีตสังกัดกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ(สมัยนั้น) ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว เคยบอกว่า คาถาหลวงพ่อสังข์ ก็อยู่ที่หลังเหรียญ รุ่นแรก ที่ออกปี 2512 นั่นแหละ ให้ไปอ่านเอา 


                   ศิษย์สุริโย ได้ใช้ความพยายามศึกษา ค้นคว้าตัวอักษรที่ปรากฎหลังเหรียญ อยู่นานพบว่า อักษรที่หลวงพ่อออกแบบเอง
และใส่ไว้หลังเหรียญ ไม่ใช่อักษรขอมที่เกจิอาจารย์ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน แต่ว่าหลวงพ่อสังข์ใช้เป็น อักษรธรรม หรือบางท่านเรียกว่า อักษรขอมลาว


                    ในที่สุดก็อ่านได้สำเร็จ ดีใจมาก จึงอยากจะเฉลยให้เพื่อน ๆได้ทราบ คาถานี้ อ่านว่า จะ ภะ กะ สะ หรือ หัวใจคาถากาสลัก บางคนเรียก ธาตุกรณีย์ คาถาแบบเต็ม ๆ เป็นดังนี้                        
                   จะ  ย่อมาจาก  จะชะ ทุชชะนะสังสัคคัง
                   ภะ  ย่อมาจาก  ภะชะ สาธุสะมาคะมัง
                   กะ  ย่อมาจาก  กะระ ปุญญะมะโหรัตตัง                
                   สะ  ย่อมาจาก   สะระ นิจจะมะนิจจะตัง
      

                    หลวงพ่อใช้ศิลปะในการออกแบบให้สวยงามโดยการผูกยันต์ให้เป็นกลุ่ม รูปแบบเป็น ยันต์กาสลัก ซ่อนหัว ซ่อนหาง ส่วนที่มาของชื่อคาถานั้น 
            กา ย่อมาจาก ปากกา ที่ใช้เขียนหนังสือ หรือปากกาที่ใช้สลักหรือสัก
               สลัก หรือ สัก หมายถึง การบันทึกลงไปบนสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัตถุ สิ่งของ หรือ ร่างกาย โดยหมายให้เกิดความคุ้มครองแก่ผู้ศรัทธา


               ก่อนที่จะถึงหัวใจคาถา หลวงพ่อก็ให้สวดคาถากำกับก่อน  คาถาบทนี้ อ่านว่า มะ อุ อะ (มะ อะ อุ) ความหมายคือ เป็นตัวแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือหัวใจตรีเพชร


                      ยันต์นี้ เป็นยันต์ องค์พระ เกจิอาจารย์แต่ละท่านใช้แทนความหมายของคาถาไม่เหมือนกัน


              แต่สำหรับ หลวงพ่อสังข์  ศิษย์สุริโย ได้ไปค้นพบความหมายของยันต์องค์พระที่หลวงพ่อใช้แทนคาถา จากตลับนวด(สีผึ้ง) ที่หลวงพ่อจารมือเป็นอักษรขอมกำกับไว้บนฝาตลับ ดังนี้
                      พระเศียร  ใช้แทน   นะ 
                    พระองค์  ใช้แทน  มะ
                    พระบาท(หรือบาทพระ)  ใช้แทน พะ ทะ
                คาถาบทนี้ คือ นะ มะ พะ ทะ หรือหัวใจธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเอง สวดกำกับเพื่อเป็นการตั้งธาตุหรือปลุกธาตุเพื่อให้คาถาศักดิ์สิทธิ์


                   คาถานี้ อ่านว่า นะ โม พุท ธา ยะ หรือ หัวใจพระพุทธเจ้า 5 พระองค์


                             ยันต์ตัวนี้ เป็นยันต์หัวใจชาย


                   ยันต์ตัวนี้ เป็นยันต์ หัวใจหญิง                    
  
              คาถาด้านหลังเหรียญ เมื่ออ่านทั้งหมดโดยการเรียงลำดับแต่ละวรรคใหม่ให้สวดง่ายแล้ว  คือ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ 
                การที่หลวงพ่อสังข์ ออกแบบวางยันต์สำคัญคือยันต์กาสลัก ไว้ตรงกลางเหรียญและขนาบข้างซ้ายขวาด้วยยันต์หัวใจหญิงและหัวใจชายนั้น เป็นกุศโลบายหรืออุบายที่ชาญฉลาดในการสื่อความหมายที่ลึกซึ้งว่า ไม่ว่ามนุษย์หญิงหรือชาย การที่จะสักหรือสลักคาถาลงไปบนที่ลับเช่น ในร่มผ้าของร่างกายนั้น ไม่ได้ประโยชน์ เพราะว่ามองไม่เห็น อ่านก็ไม่ได้ หรือถ้าพิมพ์ลงไปบนผืนผ้าเป็นผ้ายันต์หรือสลักลงบนพระเครื่องหรือ เครื่องราง ของขลัง ก็มีโอกาสที่จะสูญหายหรือ ลบเลือนสึกกร่อนไปได้ตามกาลเวลา แต่ถ้าจะสลักไว้ที่ดีที่สุดคือสลักลงที่ กลางใจ ของมนุษย์เรานี่แหละ เมื่ออยู่ในใจและท่องจำได้ สวดได้แล้ว จะไม่มีวันสูญหายไปจากใจแน่นอน เมื่อเพื่อน ๆ จะออกจากบ้านก็อย่าลืม ให้อาราธนานิมนต์เหรียญหลวงพ่อสังข์ รุ่น 1 ห้อยคอไปด้วย(เพราะว่าคาถาอยู่หลังเหรียญ) ถ้ายังไม่มีก็ขอให้สวด ท่องบ่นหรือภาวนาคาถานี้พร้อมทั้งอธิษฐานขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล มีโชคลาภ ชนะศรัตรู แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง หรือตามแต่ที่เราปารถนา

             คนที่สวดคาถากาสลักเป็นประจำคือ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช ที่มาที่ไปเป็นดังนี้
  ..............."พระสมเด็จของแท้ ของอาจารย์หม่อม ราคา “หาค่าไม่ได้” ซื้อขายก็ไม่ได้ จะครอบครองเป็นเจ้าของก็ไม่ได้ ท่านหมายถึง สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ...
                   “ที่เรียกเจ้าพระคุณสมเด็จพระ สังฆราชว่า พระสมเด็จก็เพราะท่านเป็นพระสมเด็จจริงๆ และที่เรียกท่านว่าเป็นพระเครื่อง ก็เพราะท่านเป็นพระเครื่องของผู้เขียน...จริงๆ”...

                   .....อาจารย์หม่อมเขียนว่า ได้อาศัยอิทธิฤทธิ์บารมี จากคำสั่งสอนของท่านคุ้มครองตัวอยู่เป็นนิจ ทำให้อยู่ยงคงกระพัน คลาดแคล้วจากอาวุธต่างๆ ไม่เคยมีบาดแผลจากอาวุธในร่างกายเลย
                    วันหนึ่งสมเด็จป่วยอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ อาจารย์หม่อมเคยได้พระกริ่งและเหรียญของสมเด็จท่านไว้แล้ว วันนั้นจึงขอคาถาเอาไว้ คุ้มกันตัว ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ตกน้ำไม่ตาย ไฟไหม้ไม่ติด
                    สมเด็จหัวเราะ แล้วก็ให้หัดท่องคาถา จะ ภะ กะ สะ ท่านบอกว่า เขาเรียกว่า คาถากาสลัก ได้มาจากหลวงตารูปหนึ่ง
                    นี่คือ หัวใจคาถา เอาคำต้นของคาถาแต่ละบาท มาย่อ ไว้ แปลคาถาเต็มๆ ก็จะได้ความเป็นธรรมะสำคัญ
                    อย่าไปคบคนชั่วคนโง่ คบแต่คนดีมีปัญญา ทำบุญอย่าเว้นทั้งกลางวันกลางคืน และระลึกถึงความไม่เที่ยง
                    ตั้งแต่ท่องคาถากาสลักของสมเด็จอาจารย์ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์บอกว่า จนอายุปูนนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยหัวแตก หรือเป็นไข้โป้งสักที ท่านเขียนทิ้งท้ายไว้ในคอลัมน์...ซอยสวนพลู 
                    ผมเองก็แก่เต็มที จึงขอบอกคาถานี้ไว้ให้จำกันต่อๆ มา รับรองชีวิตจะมีความสุขเฮฮา ตลอดไป."


                   (ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2555 เขียนโดย กิเลน  ประลองเชิง คอลัมน์ พระสมเด็จของคึกฤทธิ์ ...ศิษย์สุริโย ใคร่ขออนุญาต และขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ กิเลน  ประลองเชิง นำข้อความบางตอนเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานครับ)