วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

หัวว่าน นากันตม


                       หัวว่าน นากันตม เจ้าของเป็นข้าราชการท่านหนึ่ง ที่มาได้มาจากพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ คนขายบอกว่าได้มาจากชาวบ้านข้างวัดนากันตม เป็นหัวว่านอันเดียว หัวเดียว ไม่มีการแกะเป็นองค์พระ หรือแกะเป็นรูปเคารพอย่างใดอย่างหนึ่งแต่ประการใด อีกทั้งไม่ทราบว่าเป็นหัวว่านชนิดใด แต่น่าจะเป็นว่านสำคัญ และว่านที่มีอาถรรพ์ชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นแน่แท้ 


                     หัวว่านด้านนี้ เข้าใจว่าหลวงพ่อน่าจะเจาะจงให้เป็นด้านหน้า เพราะดูเหมือนจะมีรอยบุ๋ม 3 รอย ที่มองดูแล้วคล้ายกับตาและปากของมนุษย์ ลักษณะของหัวว่านดูแล้วแห้งเก่าได้อายุ


                   ด้านนี้ น่าจะเป็นด้านหลัง หลวงพ่อนำหัวว่านมาเคลือบรักและลงทองทั้งหัวเพื่อรักษาสภาพของหัวว่านไม่ให้ ยุบตัว บิดเบี้ยว หรือโค้งงอเสียสภาพ อีกทั้งลงเหล็กจารเต็มหลังโดยเฉพาะจารยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อไว้เป็นสำคัญ ว่าเป็นว่านของหลวงพ่อสังข์  สุริโย  วัดนากันตม แน่นอน


                   ร่องรอยแผลของหัวว่านซึ่งเกิดจากจากการฉีกหัวว่านออกมาจากเหง้าของกอว่าน มีปรากฎให้เห็นชัดเจน


                        หลวงพ่อฝังห่วงทองแดงลงไปในหัวว่านเพื่อเจตนาจะให้นำติดตัวไปใช้โดยการพกพาห้อยคอแทนองค์พระ


                     หลวงพ่อลงเหล็กจารคาถาอาคมกำกับไว้ทางด้านหน้าของหัวว่านด้วยเช่นกัน
                     พระครูอุดมวรเวท(หลวงพ่อสังข์  สุริโย) วัดนากันตม เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางด้านเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกบิลว่านมากที่สุดองค์หนึ่ง กล่าวกันว่าหลวงพ่อปลูกสะสมว่านสำคัญที่มีอิทธิฤทธิ์และหายากไว้ที่วัดนากันตมหลายร้อยชนิด ว่านที่ไม่สำคัญมากนัก การดูแลรักษาง่ายหลวงพ่อก็จะปลูกไว้ที่พื้นดินหรือในกระถางรอบกุฏิและบริเวณวัด แต่ถ้าเป็นว่านสำคัญและหายากมาก ๆ หลวงพ่อจะปลูกใส่กระถางและนำขึ้นไปดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษบนดาดฟ้ากุฏิของหลวงพ่อซึ่งสร้างเป็นลานกว้างเนื้อที่หลายตารางเมตร โดยหลวงพ่อสร้างบันไดลับสำหรับใช้ขึ้นไปบนดาดฟ้าอยู่ภายในห้องของหลวงพ่อ คนนอกจะขึ้นไปไม่ได้ถ้าหากหลวงพ่อไม่อนุญาต มองจากภายนอกไม่มีใครเห็น 
                     เนื่องจากว่านที่สำคัญและหายากหลวงพ่อจะดูแลเป็นพิเศษตามตำรากบิลว่านซึ่งจะต้องมีเคล็ดลับในการปลูก การดูแลรักษา การเก็บกู้ เช่น การปลูกจะต้องปลูกในวันอังคาร เดือนหก การปลูกจะต้องนำแผ่นทองแดงลงเหล็กจารยันต์อิติปิโสแปดทิศหรือผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ รองก้นกระถาง และจะต้องเสกคาถากำกับทุกครั้งที่ปลูก การรดน้ำว่านที่จะให้มีอิทธิฤทธิ์ก็จะต้องว่าคาถากำกับ การขุดหรือกู้ว่านก็จะต้องเลือกวันเดือนปีและข้างขึ้นข้างแรมตามตำราที่กำหนด ว่านที่เก็บไว้จะหยิบไปใช้ก็ต้องใช้คาถาเรียกเสมอ โดยเฉพาะว่านสำคัญจะต้องห้ามมิให้ไก่บินข้ามโดยเด็ดขาดเพราะว่าว่านจะเสื่อมอิทธิฤทธิ์ ดังนั้นหลวงพ่อจึงนำขึ้นไปปลูกไว้บนลานกว้างหลังคากุฎิเพื่อให้สะดวกในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ในการปลูก การดูแลรักษาและเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ไก่บินข้าม ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์อู๊ด ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดนากันตม เคยพา ศิษย์สุริโย ขึ้นไปชมบนลานกว้างของดาดฟ้าแห่งนี้หลังจากหลวงพ่อสังข์ มรณะภาพไปแล้วหลายปี แต่ทว่าพบแต่ความว่างเปล่าไม่มีว่านแม้แต่ต้นเดียว ซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
                     ลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อ เป็นผู้เล่า แกบอกว่าหลวงพ่อสังข์ท่านเก่งมากเรื่องว่านและสมุนไพรต่าง ๆ โดยท่านศึกษาเรียนรู้เรื่องว่าน สรรพยา และสมุนไพรต่าง ๆ จนแตกฉาน ถึงขนาดสามารถแยกแยะว่าว่านชนิดไหนรักษาโรคอะไร ชนิดไหนปลูกไว้ในบ้านเป็นมงคลเสริมราศรีเป็นเมตตามหานิยม ว่านชนิดไหนกินเข้าไปแล้ว เป็นอาถรรพ์ แล้วคลาด คงกระพัน ว่านชนิดไหนพกพาติดตัวไปเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งเคยเห็นอภินิหารของการกินหัวว่าน ขณะนั้น หลวงพ่อนำหัวว่านสำคัญลงมาจากดาดฟ้ากุฎิและนำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ  ต่อมาก็นำไปผึ่งแดดให้แห้งและบดทำเป็นผงว่านเพื่อผสมกับผงพุทธคุณและวัตถุอาถรรพ์อื่น ๆ เพื่อทำเป็นเครื่องราง ของขลัง โดยมีผู้เล่าเป็นลูกมือช่วยเหลือ วันนั้นบังเอิญมีชาวบ้านนากันตม 2 คน เดินผ่านมาที่ข้างกุฎิแล้วก็เดินเลี้ยวเข้ามาใกล้ตรงจุดที่หลวงพ่อกำลังทำงาน ทั้งสองพากันนั่งลง แล้วคนหนึ่งก็พูดถามหลวงพ่อสังข์ว่า 
         ชาวบ้าน    "หลวงพ่อจะทำอะไรจึงเอาหัวว่านมาฝาน จะสร้างพระหรือ ?"
         หลวงพ่อ    "ข้าทำเล่น ๆ ของข้าเท่านั้นแหละโว้ย"หลวงพ่อตอบ
         ชาวบ้านที่มาด้วยกันอีกคนถามต่อ "หลวงพ่อทำเล่น ๆ  แล้วเอาหัวว่านไปบดสร้างพระ แล้วพระที่หลวงพ่อสร้างมันจะขลังอยู่หรือ?"
         หลวงพ่อ  "ข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะขลังหรือไม่ขลัง แต่ถ้าเอ็งทั้ง 2 คนสงสัย ก็ลองกินว่านนี้ดูไหมล่ะ มันอาจจะทำให้พวกเอ็งชกปากกันก็ได้"
         ชาวบ้าน "มันจะเป็นไปได้อย่างไรหลวงพ่อ เพราะว่าเราทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน อีกทั้งได้ผูกเสี่ยวเป็นเพื่อนตายกันแล้วจะทำร้ายกันได้อย่างไร มีแต่จะช่วยเหลือกันเท่านั้นแหละ"
                    ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เพื่อนเกลอ 2 คนนี้ มักจะเดินผ่านกุฏิของหลวงพ่อสังข์บ่อย ๆ เพื่อไปช่วยกันทำนา หรือไปเที่ยวเล่นก็แล้วแต่ เจ้า 2 คนนี้ชอบที่จะเข้าไปหยุดดูสิ่งที่หลวงพ่อทำด้วยความสงสัย เคยเห็นหลวงพ่อนั่งฝานหัวว่าน บดหัวว่าน บางครั้งก็เสกหัวว่านโดยหลับตาสวดคาถาอาคมแล้วก็เป่าลงไปที่หัวว่าน ทั้งสองเคยถูกหลวงพ่อดุเอาว่า พวกเอ็งมายืนคุมข้ากำลังทำงานหรือ? แล้วก็ไล่ให้ออกไป อย่าเข้ามาดู สองคนไม่รู้ความจริงก็พากันเอาไปเล่าซุบซิบนินทาให้ชาวบ้านนากันตมฟังในทำนองว่า หลวงพ่อสังข์ ท่าจะเพี้ยน เอาหัวว่านมาบดทำเป็นพระและเสกเป่าคาถาอาคม บางทีเห็นพูดอยู่คนเดียว อีกทั้งทำพระเป็นรูปอะไรก็ไม่รู้ สวยก็ไม่สวย ดำก็ดำ แล้วเอาไปหลอกให้คนทางอื่นที่ไม่รู้ทำบุญ ขลังหรือเปล่าก็ไม่รู้ ชาวบ้านนากันตมในขณะนั้นจึงยังไม่ค่อยเชื่อถือศรัทธา อีกทั้งหลวงพ่อเป็นคนดุชาวบ้านจึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปยุ่ง แต่ทางกรุงเทพ ฯ ท่านดังมาก มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นคหบดีมีฐานะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตในกรุงเทพฯ นายทหาร นายตำรวจ นายแพทย์หรือแม้แต่พระที่เป็นเกจิอาจารย์ทางภาคกลาง นำกฐิน ผ้าป่ามาทอดที่วัดนากันตมบ่อย ๆ เกือบทุกปี บางคนซื้อปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น และวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ส่งมาช่วยหลวงพ่อสร้างโบสถ์ สร้างศาลาโดยส่งทางรถไฟเป็นตู้ ๆ ส่งมาลงที่สถานีกันทรารมย์ และมีลูกศิษย์ไปรับขนมาลงที่วัดนากันตมอีกทอด หลวงพ่อจึงมอบเครื่องราง ของขลัง ให้เป็นของที่ระลึกและเป็นสิ่งตอบแทนในน้ำใจ คนต่างถิ่นจึงได้ของดีของของขลังจากหลวงพ่อไปใช้เป็นจำนวนมาก แต่คนข้างวัดกลับไม่ค่อยจะมีใครได้มากนัก นอกจากลูกศิษย์ใกล้ชิดที่คอยดูแลรับใช้หลวงพ่อเท่านั้นจึงจะได้ พอชาวบ้านเล่าลือกันนานเข้า เสียงก็ดังมาถึงหูหลวงพ่อว่าใครเป็นคนพูด และพูดนินทาหลวงพ่อว่าอย่างไร หลวงพ่อได้ยินแล้วก็เฉยนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและไม่โต้ตอบ ปล่อยให้เขาเล่าลือกันไปอย่างนั้น
                     วันนั้นจะเป็นเพราะเหตุบังเอิญหรือจะเกิดจากอะไรก็แล้วแต่ 2 เกลอเดินเข้าไปหาหลวงพ่อสังข์ ที่กำลังฝานหัวว่านเพื่อเตรียมไว้ทำเครื่องราง ของขลัง ตามปกติที่เคยทำ เมื่อหลวงพ่อกับสองเกลอโต้ตอบกันไปมา สักครู่ หลวงพ่อจึงหยิบหัวว่านชนิดหนึ่งฝานเป็นแผ่นบาง ๆ จำนวน 2 ชิ้น ใส่ในอุ้งมือแล้วยกขึ้นพนมแนบอก เสกคาถาอาคมบางอย่างทำปากมุบมิบอยู่ชั่วอึดใจแล้วก็เป่าลงไปที่ว่านทั้ง 2 ชิ้น แล้วก็ยื่นให้ 2 เกลอ ทั้งสองรับมาเคี้ยวและกลืนกินแล้วก็นั่งนิ่งอยู่ สักครู่หลวงพ่อก็ไล่ให้ออกไปเพราะว่าจะทำงานต่อ เมื่อสองเกลอลุกขึ้นเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ยังไม่พ้นลานวัด อยู่ ๆ สองเกลอก็กระโดดเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอุตหลุดชกกันไปชกกันมาไม่มีใครยอมใครเหมือนมีเรื่องทะเลาะกันอย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้เอาพลังและเรี่ยวแรงมาจากไหนล่อกันนัวเนียจนล้มลุกคลุกคลานทั้งคู่ ขณะนั้นหลวงพ่อเหลือบไปมองแต่ก็นิ่งเฉยอยู่ทำท่าเหมือนมองไม่เห็นและไม่สนใจก้มหน้าทำงานต่อไป แต่เมื่อทั้งสองกอดปล้ำกันอยู่นานพอสมควรโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หลวงพ่อจึงลุกขึ้นหยิบไม้ที่วางอยู่แถวนั้นเดินเข้าไปหาสองเกลอแล้วฟาดเบา ๆ ลงไปที่ร่างคนละที พร้อมกับตะโดนดัง ๆ พอได้ยินว่า

          "หยุด ! ไหนเห็นคุยว่าเป็นเพื่อนกัน แล้วชกกันทำไมเล่า"

               ทั้งสองหยุดกึ้กทันทีและผละออกจากกัน ทำท่างง ๆ กับเหตุการณ์ชกต่อยกันที่ผ่านไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรเหมือนทำไปโดยไม่รู้สึกตัว และคงจะพากันสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นที่น่าประหลาดใจมากของผู้เล่าที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดก็คือ ทั้งสองฟัดกันอยู่นานและรุนแรงมาก โดยไม่ทราบว่าได้พลังและเรี่ยวแรงมาจากไหน อีกทั้งไม่ปรากฎรอยเลือด ไม่แตก ไม่หัก ไม่ยุบหรือรอยฟกช้ำดำเขียวให้เห็นแต่ประการใด เมื่อทั้งสองรู้สึกตัวดีแล้วก็พากันก้มลงกราบหลวงพ่อ แล้วก็รีบลุกเดินออกไปจากวัดทันที
               ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยเห็นสองเกลอแวะเวียนมาที่วัดนากันตมอีกเลย คงจะเข็ดหลาบที่ถูกหลวงพ่อ วางยา เพื่อเป็นการสั่งสอน  อีกทั้งเสียงซุบซิบนินทาหลวงพ่อในทางที่ไม่ดีก็พลอยเงียบหายไปตั้งแต่บัดนั้น ไม่มีชาวบ้านนากันตมคนไหนกล้าที่จะซุบซิบนินทาหลวงพ่อในทางที่ไม่ดีอีก 


                       ขอกราบคารวะ ท่านพระครูอุดมวรเวท(หลวงพ่อสังข์  สุริโย) สุดยอดเกจิอาจารย์ราชาเครื่องราง ของขลังแดนอีสานใต้ ด้วยความเคารพนับถือและศรัทธายิ่ง