วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ที่สุดหลวงพ่อสังข์


                 นับตั้งแต่ปี 2535  ก่อนหน้านั้น ศิษย์สุริโย ไม่เคยรู้จัก หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม มาก่อนเลย ด้วยความบังเอิญ ปีนั้น ศิษย์สุริโย ได้เข้าไปที่วัดนากันตม ครั้งแรก เนื่องจากได้ติดตามผู้ใหญ่ของศรีสะเกษท่านหนึ่ง เข้าไปพบหลวงพี่อู๊ด ซึ่งเป็นผู้รักษาการณ์เจ้าอาวาสในขณะนั้น แปลกใจที่พอเข้าไปในวัดได้เห็นรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ รูปปั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์และอีกหลายอย่าง รวมทั้งอุโบสถ ศาลา ที่มีศิลปะในการสร้างแบบแปลก ๆ แตกต่าง จากวัดอื่น ๆ ที่ศิษย์สุริโย ได้เคยพบเห็น           
                เมื่อหลวงพี่พาขึ้นไปที่ชั้นบนของกุฏิเจ้าอาวาส ก็ต้องตกตะลึงพึงเพริศกับตู้กระจกขนาดย่อมใบหนึ่ง ข้างในแบ่งเป็นชั้น ถ้าจำไม่ผิดประมาณสามถึงสี่ชั้น แต่ละชั้นอัดแน่นไปด้วยเครื่องราง ของขลัง หลายสิบชนิดวางเรียงรายอยู่เต็มตู้  จำได้ว่าเป็นวัตถุมงคลประเภท สิงห์สาราสัตว์ ชนิดต่าง ๆ ทั้งเนื้อดิน ชิน ผง กะลามะพร้าว ไม้แกะ งาช้างแกะ เขาควายแกะ เช่น นก ปลา เต่า จิ้งจก และอีกหลายอย่างลานตาไปหมดโดยเฉพาะที่จำได้ติดตาก็คือไอ้เจ้าตัวที่หลวงพี่อู๊ดแกตั้งชื่อว่า ไอ้หนูปืนโตซึ่งเป็นไม้แกะรูปเด็กน้อยเปลือยกายยืนจังก้าใช้มือทั้ง 2 ข้างอุ้มประคองไอ้จู๋ของตัวเองแต่มีขนาดใหญ่มหึมาและสูงท่วมหัว เป็นศิลปะที่แปลกและไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอีกทั้งแกะได้สวยงามเหมือนจริงมาก มีอยู่ 3 ตัว ขนาดใหญ่สุดสูงประมาณครึ่งฟุต  ขนาดกลาง และเล็กลดหลั่นกันลงมา  นอกนั้นจำได้ว่าที่มีมากที่สุดก็คือ ปลัดขิกขนาดต่าง ๆ แกะด้วยไม้ งาช้าง และเขาควาย วางเรียงรายอยู่ในตู้ นอกนั้นก็เป็นพวกตะกรุดมีหลายขนาดมีทั้งตะกุดทองแดงและตะกรุดไม้ไผ่  ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ พระสมเด็จเนื้อผงลงรักปิดทอง พระพิมพ์ต่าง ๆ สร้อยประคำ พระโค นางสิกขี ฯ ล ฯ แต่ที่พิเศษสุดที่หลวงพี่แกบอกว่าไม่เคยเปิดกล่องให้ใครดู ก็คือ ลูกกรอก  หลวงพ่อสังข์ เล่าว่าได้มาจาก สปป.ลาว เป็นร่างเด็กชายอวัยวะต่าง ๆ ครบ มองเห็นศีรษะ ลำตัว แขน ขา อวัยวะเพศชายและส่วนที่เป็นสายรกยังคงติดอยู่ที่ท้องชัดเจน นอนอยู่ในกล่องกำมะหยี่สีแดง มีฝาปิดมิดชิด ลักษณะของลูกกรอกเนื้อหนังแห้งกรัง ความยาวประมาณ 1 ฝ่ามือ ถ้ามีโอกาสวันหลังจะเล่าประวัติลูกกรอกที่หลวงพี่อู๊ดเล่าให้ฟัง หลวงพี่อู๊ดหยิบเครื่องราง ของขลัง แต่ละชิ้นมาให้ดูและสัมผัสอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งเล่าถึงประวัติการสร้าง การปลุกเสกและพุทธคุณของแต่ละอย่างให้ฟังอย่างละเอียด ส่วนในตัวของหลวงพี่อู๊ดนั้นแกโชว์ผ้าอังสะ(ผ้าที่มีลักษณะเหมือนสไบเฉียงของผู้หญิง ซึ่งพระสงฆ์จะสรวมไว้ด้านในก่อนห่มจีวร)หลวงพี่แกเล่นเย็บเป็นช่องเล็ก ๆ ขนาดเท่านิ้วมือติดกันกว่า 10 ช่อง ใส่ปลัดขิกทั้งงาแกะ ไม้แกะและเขาควายแกะ ยัดใส่ไว้ในแต่ละช่องเหมือนสายสะพายกระสุนไอ้แรมโบ้ไม่มีผิด ส่วนที่รัดประคดคาดเอวก็ห้อยตะกรุดโทนดอกใหญ่มองดูผิวเผินเหมือนเหน็บปืนไว้ที่เอว ซึ่งดูแล้วเป็นอะไรที่แปลกและไม่เคยเห็น ต่อมาได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสอบถามเพิ่มเติมจนพอใจนานนับชั่วโมง แต่ก็ยังไม่ครบทุกชิ้นจนได้เวลากลับ โดยก่อนกลับหลวงพี่อู๊ดบอกว่า วันนี้ยังไม่แจกถ้าชอบและนับถือศรัทธาหลวงพ่อจริงก็ให้มาใหม่วันหลังรับรองว่าจะมีของฝากอย่างใดอย่างหนึ่งติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยอย่างแน่นอน 
                   หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นในใจลึก ๆ ศิษย์สุริโยมีความรู้สึกว่ามีความชอบเครื่องราง เข้าให้แล้ว และตั้งใจว่าจะกลับไปหาพระอาจารย์อู๊ดให้ได้อีกในวันหลัง แต่แล้วในที่สุดก็ไม่มีโอกาสได้กลับไปที่วัดอีกเลย จนกระทั่งต่อมาหลวงพี่อู๊ดก็ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไทยในยุโรปประเทศแถบสแกนดิเนเวียไม่กลับมาประเทศไทยอีก และที่น่าเสียดายมากที่สุดก็คือ เมื่อกลับไปที่วัดอีกคร้้ง ตู้กระจกรวมทั้งเครื่องราง ของขลังต่าง ๆ จำนวนมากเต็มตู้ ได้อันตรธานหายไปหมดอย่างไร้ร่องรอยไม่มีเหลือให้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว ศิษย์สุริโยรู้สึกเสียดายที่พลาดโอกาสไม่มีเวลากลับไปหาหลวงพี่อู๊ดอีก ด้วยความฝังใจจึงเริ่มต้นเสาะหา ศึกษาและสะสมเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อสังข์ อย่างจริงจัง จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ปี 2559 นับเป็นระยะเวลายาวนานถึง 23 ปีเศษ มีวัตถุมงคล เคร่ื่องราง ของขลัง ของหลวงพ่อผ่านตามาแล้วเป็นจำนวนมากพอสมควร  แต่ก็ยังไม่เคย เลือกและสรุปชี้ชัดว่า วัตถุมงคลชิ้นไหน เป็นที่สุดของหลวงพ่อ จากการสอบถามพระอาจารย์บุญมี ศิษย์เอก ท่านก็ตอบเป็นกลาง ๆ ว่า เครื่องราง ของขลัง ของหลวงพ่อสังข์ ดีทุกอย่าง เท่า ๆ กัน ขอให้แท้ สอบถามเฮียหยวย สันติยนต์ ก็ตอบไปในทิศทางคล้ายกัน จึงยังไม่สามารถ สรุปชี้ชัดได้
                  เมื่อปีที่แล้ว(2558) เพื่อน ๆ ของศิษย์สุริโย หลายคนเกิดพากันชื่นชอบ เครื่องราง ของขลัง ของหลวงพ่อสังข์ กันขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ มีขลุ่ย ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนเล่นกันแต่พระเครื่อง พระสมเด็จ สายอื่น แต่ตอนหลังเห็นเพื่อนมันห้อยขุนแผนขี่โหงพราย บางคนห้อยนางสิกขี ส่วนไอ้เจ้าคนที่ 3 นี่ไปไกลกว่าเพื่อน  สะสมปลัดขิกมีทั้งแก่นขาม งาช้าง เขี้ยวหมูตัน กัลปังหา และเขาควายฟ้าผ่าเกือบ 10 ตัว แถมมาขอแบ่งตะกรุดจากศิษย์สุริโยไปอีก 2 ดอก  บอกจะเอาไปให้ลูกใช้ สงสัยคงจะพากันเจอ อิทธิปาฎิหาริย์ ของหลวงพ่อสังข์เข้าให้แล้ว พวกมันคงจะเล่นทางลัดจึงพากันยื่นคำขาดกับศิษย์สุริโยตรง ๆ ในฐานะเล่นหลวงพ่อสังข์ มานาน ตามความคิดเห็นของ ศิษย์สุริโย  อะไรคือที่สุดหลวงพ่อสังข์ พวกเขาบังคับให้ต้องตอบห้ามปฏิเสธ ในเมื่อเพื่อน ๆ ไว้วางใจและไม่อยากขัดศรัทธาเพื่อน จึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือและเอกสารเก่า ๆ ที่พอจะหาได้ เฟสบุ๊ค เว็บไซด์  ฟังประสบการณ์ของลูกศิษย์รุ่นเก่า  ที่ใช้วัตถุมงคล ของหลวงพ่อสังข์ และการสอบถามข้อมูลจากผู้รู้ที่เป็นลูกศิษย์ที่ทันหลวงพ่อ บางคนเคยเป็นผู้ติดตามหลวงพ่อและยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งการรวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาในครั้งนี้พิจารณาตามหลักฐานข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยมิได้นำสิ่งเหล่านี้มาเป็นข้อกำหนดหรือตัวชี้วัด คือ
                         1. ราคาซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน สูงหรือต่ำ เนื่องจากราคา อยู่ที่ความพอใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
                         2. ขนาดขององค์พระ แบบพกพา แบบบูชา ศิลปะในการออกแบบที่แปลกตาไม่เหมือนใคร และความสวยงาม เพราะว่า อยู่ที่มุมมอง และความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
                         3. หายาก เนื่องจากบางชิ้น สร้างให้เจาะจงเฉพาะตัวของแต่ละคนเพื่อประโยชน์สำคัญบางอย่าง  บางชนิดมีเพียงไม่กี่ชิ้น บางอย่าง มีเพียงชิ้นเดียว แต่เน้นจำนวนที่มีหมุนเวียนให้เห็นพอสมควรและเป็นที่ยุติโดยปราศจากข้อโต้แย้งว่าหลวงพ่อสังข์เป็นผู้สร้างและปลุกเสกจริงหรือไม่ แต่ต้องมีหลักฐานแน่นอนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปเป็นมาตรฐานสากล
               คราวนี้ อยากนำเสนอข้อมูลการสร้าง พระโคโพธิสัตว์ พิมพ์ใหญ่ เขาโค้ง ให้เพื่อน ๆ ช่วยกันพิจารณาครับ

               
              พระโคโพธิสัตว์ เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงว่าน ยา และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง จุ่มรัก พิมพ์ใหญ่เขาโค้ง ยุคแรก 



            พระโคโพธิสัตว์มีความพิเศษแตกต่างจากวัตถุมงคลอื่นอย่างไร 
                           ห้อยพระโคโพธิสัตว์องค์เดียวเหมือนได้พกเครื่องราง 4 อย่าง(four in one)พร้อมกัน คือ พระฤาษีหน้าวัว(ตาวัว) พระโคโพธิสัตว์(วัวธนู) พญาวานร(ลิง) และพญานาคราช โดยหลวงพ่อใช้ศิลปะในการออกแบบแสดงให้เห็นเฉพาะส่วนศีรษะของรูปเคารพ 4 ชนิด ยื่นออกมาเฉพาะใบหน้ากลับด้านซ้อนกันอยู่ ส่วนด้านในได้จารยันต์คาถาหัวใจของรูปเคารพทั้ง 4 ชนิด ไว้ในแผ่นทองคำ เงิน หรือทองแดง ก็แล้วแต่หลวงพ่อจะเลือกใส่ไว้ในแต่ละองค์ไม่ซ้ำกัน และม้วนเป็นหลอดตะกรุดฝังไว้ทำเป็นกริ่ง เวลาเข่าดู จะรู้สึกได้ว่าเป็นตะกรุดฝังอยู่ด้านในทุกองค์


  
 เหตุผลหลัก ๆ ประกอบการพิจารณา
       1. พระโคเด่นทางด้านพุทธคุณอย่างไรบ้าง
                 1.1 พระฤาษีหน้าวัว(พระฤาษีตาวัว) พระนามจริงคือพระนนทิ เป็นพระฤาษีในชั้นเทพ นับถือกันว่าเป็นครูบาอาจารย์ทางด้านไสยศาสตร์ เป็นที่เคารพนับถือของเกจิอาจารย์ที่ร่ำเรียนทางด้านไสยศาสตร์และเวทมนต์คาถาอาคม อีกทั้งเหล่าศิลปินทุกแขนงยกย่องบูชาให้เป็นพ่อแก่พระองค์หนึ่ง  พระฤาษีนอกจากจะเป็นผู้บำเพ็ญพรตพรหมจรรย์แล้ว ยังมีฌานตะบะแก่กล้า มีความรู้ในศิลปวิทยา โบราณาจารย์และเกจิอาจารย์สมัยก่อนท่านเคารพนับถือพระฤาษีว่าเป็นบูรพาจารย์ผู้มีพระคุณอันประเสริฐ เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ เกจิอาจารย์โบราณจึงนิยมสร้างรูปพระฤาษีไว้เป็นรูปเคารพสักการะบูชา เพื่อให้เกิดอานิสงส์ในการสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ให้เกิดความเข้มขลัง มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ เด่นทางด้านมีเสน่ห์ มีเมตตา มหานิยม โดยเฉพาะศิลปิน นักร้อง นักแสดง นักการตลาดที่ต้องใช้วาทะศิลป์ ในการเจรจาพาทีนักโหราศาสตร์เป็นต้น


                 1.2 พระโคอุสุภราช หรือวัวธนูนั่นเอง เด่นทางด้านป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ รอบด้าน แคล้วคลาด  คุ้มครองป้องกันทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อาราธนาให้เฝ้าบ้านเรือนห้องหอ ดียิ่งนัก รวมทั้งกันและแก้คุณไสย์ ชับไล่ภูตผีปีศาจ วิญญาณ อาถรรพ์ต่าง ๆ กันกระทำย่ำยี ก็สุดยอด 


                         1.3 พญาวานร(ลิง) หรือ หนุมาน ซึ่งเก่งทั้งรบและรัก ได้ทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น มีเสน่ห์ เด่นทางด้านเมตตามหานิยมรวมทั้งคงกระพันชาตรีก็เป็นเลิศ

                       
                    1.4 งูใหญ่หรือพญานาคราช เป็นสัญญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา ช่วยเสริมสร้างบารมี ช่วยปกป้อง คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายรอบด้าน ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อายุยืน  และบันดาลให้เกิดโชคลาภอีกด้วย
               2.  พระโค เป็นเครื่องราง ของขลังที่สร้างยาก เป็นเครื่องรางยุคแรกที่ใช้ความพิถีพิถันในการสร้างสูง โดยเฉพาะมวลสารที่นำมาสร้าง เป็นการผสมผสานระหว่างผงพุทธคุณกับ พฤกษาศาสตร์พืชพรรณและสมุนไพรต่าง ๆ บวกกับการสร้างซึ่งเป็นงานฝีมือ(handmade)เริ่มตั้งแต่การแกะบล็อคซึ่งหลวงพ่อเป็นผู้ออกแบบและลงมือแกะเอง ทำได้สวยงาม แปลกตา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน(ทำสิ่งแปลก ๆ ยากที่จะหาเกจิอาจารย์อื่น ทำได้เสมอเหมือน) การเขียนผงลบผง การเสาะแสวงหาพืชพรรณสมุนไพรและสิ่งที่เป็นอาถรรพ์ต่าง ๆ แต่ละอย่างต้องครบ 108 การผสมมวลสาร การกดพิมพ์ด้วยมือทีละชิ้น การจุ่มรักน้ำเกลี้ยงเคลือบผิวเพื่อความคงทน สวยงาม(บางคนแพ้รักก็ทำไม่ได้) ต่อมานำไปผึ่งลมให้แห้งซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือของพระเณรในวัดช่วยกันทำ กล่าวกันว่าถ้าใครเข้าไปที่วัดในบางครั้ง จะเห็นการตากเครื่องรางบริเวณหน้ากุฏิหลวงพ่อเต็มไปหมด เมื่อแห้งสนิทดีแล้วสุดท้ายหลวงพ่อจึงได้นำเข้าพิธีปลุกเสกอย่างถูกต้องตามคัมภีร์ไสยเวทย์โบราณอีกครั้งจนครบสูตร จึงจะนำออกแจกจ่ายให้คนทำบุญ จึงเป็นวัตถุมงคลที่ดีนอก ดีใน ตามหลักฐานฝอยกำกับ ซึ่งหลวงพ่อพิมพ์ไว้ในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ใช้ห่อพระโคไว้แจกให้ลูกศิษย์และผู้มีศรัทธา


              นับว่าเป็นความโชคดีมากที่ค้นพบหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งเป็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ เท่าฝ่ามือ ซึ่งหลวงพ่อสังข์ ได้พิมพ์บันทึกข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกถึงมวลสารต่าง ๆ ที่หลวงพ่อนำมาสร้างเครื่องราง ของขลัง ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละอย่างเป็นของหายาก โดยจะต้องมีความรู้และความเพียรในการทำผงวิเศษ  ประกอบกับความรู้ทางด้านพืชพรรณสมุนไพรเป็นอย่างดีจึงจะหาสมุนไพรที่มีคุณวิเศษพบเจอ อีกทั้งต้องใช้เวลาอันยาวนานกว่าจะหาได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งมวลสารดังกล่าวประกอบไปด้วย
                  2.1 ผงพุทธคุณ 108 หลวงพ่อนำผงวิเศษ ที่เกิดจากการเขียนและลบของหลวงพ่อที่ทำขึ้นเองและเก็บสะสมไว้ เช่น ผงปะถะม้ง ผงอิธะเจ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงอิติปิโส ผงนะหน้าทอง ผงมหานิยม ผงธาตุทั้ง 4 และอื่น ๆ จำนวนมากถึง 108 อย่าง มาเป็นส่วนผสม คิดดูเอาเองว่าจะใช้เวลาในการทำผงยาวนานแค่ไหน
                  2.2 ผงยา 108 หมายถึง สรรพยาต่าง ๆ ที่ศักสิทธิ์ตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นของหายากมาก อยู่ตามพงไพรและป่าลึก ตามภูเขาและถ้ำ ท่านว่าผู้มีบุญและวิชาอาคมเท่านั้น จึงจะหาพบเจอ โดยคัดเลือกเอาส่วนที่เป็น ราก เหง้า หัว ลำต้น แก่น ใบ เปลือก และดอก เช่น กฤษณากะรำพัก ขอนดอก พระยาไก่เตี้ย กำภัยทรงสะกาน พระยากล้วยป่า พระยากลึงบาดาล พระยาดาวโลหินี เจ็ดซอง สมิงคำราม แววนกกะลิง และอื่น ๆ  นำมาตากแดดให้แห้งและบดเป็นผง
                  2.3 ผงว่าน 108 หมายถึง ว่านต่าง ๆ ที่หลวงพ่อได้คัดเลือกชนิดที่มีอิทธิปาฎิหาริย์ตามธรรมชาติ สามารถคุ้มครองป้องกันภัยพิบัติอันตรายต่าง ๆ รวมทั้งก่อให้เกิดเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาด ตามตำรากบิลว่าน ที่หลวงพ่อเที่ยวเสาะหาตามป่าเขาขณะเดินธุดงค์ และนำมาปลูกไว้ที่วัด เพื่อให้ว่านศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิฤทธิ์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามตำรากบิลว่าน โดยจะต้องมีเคล็ดลับในการปลูก เช่น ปลูกในวันอังคาร เดือน 6 และต้องใช้แผ่นทองแดงลงยันต์อิติปิโสแปดทิศ และผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ฝังไว้โคนต้น การรดน้ำว่านเพื่อให้มีอิทธิฤทธิ์ ต้องว่าคาถากำกับไปด้วย เมื่อหัวแก่จริง ๆ จึงจะทำการกู้ ก่อนที่จะกู้ต้องทำน้ำมนต์พรมให้ทั่วต้นว่านและบริเวณรอบ ๆ โคนต้น เสียก่อน แล้วจึงขุดหรือกู้ เมื่อจะใช้ประโยชน์ให้ฝานหัวว่านบาง ๆ ตากให้แห้งแล้วทำการบดเป็นผงว่านเพื่อนำไปผสมผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ว่านที่สำคัญ เช่น ว่านดอกทอง ว่านสาวหลง ว่านพระฉิมหรือว่านพระสีวลี ว่านเพ็ชร์นารายณ์ ว่านไพลดำ ว่านหนุมาน เป็นต้น
                 2.4 เกสร 108 หมายถึง ผงเกสรดอกพฤษาชาตินานาชนิด ที่เป็นมงคล จำนวนถึง 108 อย่าง เช่น มะลิ พิกุล บุนนาค บัวทั้ง 5 (สัตตบุษย์ สัตตบรรณ ลินจง จงกลนี นิลอุบล) บัวหลวง สารภี เป็นต้น
                 2.5 ตะไคร่โบสถ์ 108 หมายความรวมถึง ตะไคร่เจดีย์ และตะไคร่ใบเสมารอบโบสถ์ ทางไสยศาสตร์เชื่อกันว่ากันภูตผีปีศาจและเสนียดจัญไร ตะไคร่ใบเสมา เป็นเมตตา มหานิยม และแคล้วคลาดดีนัก ตะไคร่รอบโบสถ์ ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ กันคุณไสย์ และแก้ธรณีสาร
 

           3. ฝอยกำกับวัตถุมงคลและเครื่องราง ของขลัง จะระบุอย่างชัดเจนว่า พระโคโพธิสัตว์เป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษและสำคัญที่สุดเนื่องจากหลวงพ่อสังข์เลือกนำมากล่าวถึงในวรรคแรก ส่วนพระอื่น ๆ นั้นสำคัญรองลงไปตามลำดับ แต่ไม่ได้ระบุชื่อเอาไว้จึงไม่ทราบว่าเป็นวัตถุมงคลอะไร ชนิดไหนบ้าง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นวัตถุมงคลชนิดใดก็ตาม ก็ย่อมมีความสำคัญรองจากพระโคโพธิสัตว์ที่เป็นวัตถุมงคลชิ้นเอกที่สร้างในคราวนี้แน่นอน 
              ส่วนพุทธคุณของพระโคนั้น หลวงพ่อระบุไว้ชัดเจนว่าถ้าบูชาไว้ประจำบ้าน ก็จะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลประจำครอบครัว และถ้าใครพกพานำติดตัวไปด้วยก็จะสามารถคุ้มครองป้องกันภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ได้ทุกอย่างครอบจักรวาลกันเลยทีเดียว โดยหลวงพ่อเชื่อมั่นในเวทมนต์คาถาอาคมและความเข้มขลังของพระโคของท่านที่ปลุกเสกไว้เป็นอย่างดีถึงขนาดที่ว่า กล้าออกฝอยกำกับรับรองว่า พระโคที่รับแจกไปนั้นมีมวลสารอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง มีอิิทธิปาฎิหาริย์มีฤทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ตามที่ระบุไว้ในฝอย เปรียบเหมือนฝอยกำกับยารักษาโรคนั่นเอง แต่ถ้าใช้แล้วไม่เห็นผลและไม่พึงประสงค์แล้วอย่าทิ้ง ให้นำมาคืน(วัตถุมงคลอย่างอื่น รับไปแล้วก็แล้วเลยจะเอาไปทำอะไรก็ได้หลวงพ่อไม่สนใจ แต่พระโครับไปแล้ว วันหลังถ้าไม่พึงประสงค์ให้ส่งคืนด้วย)เพราะว่าหลวงพ่อเสียดายของศักดิ์สิทธิ์ของขลัง ที่หลวงพ่อตั้งใจ สร้างขึ้นเป็นพิเศษ (หลวงพ่อสังข์ ระบุไว้อย่างชัดเจนในฝอยกำกับ)ด้วยความเหนื่อยยากยาวนานกว่าจะได้แต่ละชิ้น จะสูญเปล่า ถ้านำมาคืนแล้วหลวงพ่อก็จะได้นำไปให้คนที่เห็นคุณค่าและนับถือศรัทธานำไปบูชาเพื่อให้เกิดประโยชน์ มิให้เป็นการเสียของต่อไป
             4. การปลุกเสก กล่าวกันว่า การปลุกเสกเครื่องราง ของขลัง โดยเฉพาะพระโคโพธิสัตว์ และอื่น ๆ ในยุคแรก ๆ หลวงพ่อใช้ความพิถีพิถันในการปลุกเสกมาก เริ่มต้นด้วยการปลุกธาตุด้วยแม่ธาตุใหญ่ก่อน คือ นะโมพุทธายะ ต่อมาก็ตั้งธาตุทั้ง 4 คือ นะมะพะทะ  ต่อมาก็หนุนธาตุด้วยธาตุกรณี คือ จะพะกะสะ แล้วใส่อาการ 32 เข้าไป เริ่มตั้งแต่ เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ฯลฯ เพื่อประสงค์ที่จะให้รูปเคารพนั้นเสมือนมีชีวิตใหม่ขึ้นมา แล้วจึงทำการเสกยัดอัดพุทธคุณทางด้านไสยเวทอันศักดิ์สิทธิ์ เข้าไป โดยใช้อำนาจพลังจิตที่หลวงพ่อได้ฝึกฝนและร่ำเรียนมาจนครบสูตร จนนับถือกันว่าหลวงพ่อเป็นผู้ที่สำเร็จฌาณสมาบัติ ขั้นสูง จนได้ฉายาว่า พระครูอุดมวรเวท  สุดท้ายก็ใช้ด้ายสายสิญจน์ผูกทำขวัญ เนื่องจากประเพณีอีสานเมื่อได้ของสิ่งใหม่ เช่น เด็กเกิดใหม่ ได้เมียใหม่ ได้เลื่อนตำแหน่งใหม่ หรือซื้อรถคันใหม่  ก็จะใช้ด้ายสายสิญจน์เสกผูกรับขวัญอันเป็นการต้อนรับและแสดงความดีใจ เอิบอิ่มใจ อีกทั้งทางด้านไสยศาสตร์ ด้ายสายสิญจน์เสกผูกเอาไว้นัยว่าเพื่อป้องกันพระเวทย์วิทยาคมและพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปลุกเสกไว้เป็นอย่างดี มิให้หนีหายหรือเสื่อมคลายความขลังลงไป แต่เป็นการการสะกดให้ยังคงอยู่กับวัถุมงคลนั้นตลอดไปตราบนานเท่านาน


                    ร่องรอยด้ายสายสิญจน์เสกที่หลวงพ่อพันไว้รอบห่วงทองแดง ก่อนที่จะนำไปจุ่มรักน้ำเกลี้ยงทับด้ายสายสิญจน์ลงไปอีกครั้ง
                  5. หลวงพ่อสังข์เป็นคนเลือกเอง 
                    ครั้งหนึ่งในคราวที่ รองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระพิมลธรรม(อาจ อาสภมหาเถระ)  ขณะดำรงตำแหน่งสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุได้ถูกผู้บริหารคณะสงฆ์ในขณะนั้น แจ้งข้อกล่าวหาว่าท่านมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ และศีลวิบัติขาดจากความเป็นพระเนื่องจากเสพเมถุนกับลูกศิษย์ในวัด ท่านถูกถอดออกจากสมณศักดิ์ และตำแหน่งทางการบริหารคณะสงฆ์ทุกตำแหน่ง อีกทั้งถูกบังคับให้สละสมณเพศออกเสียจากความเป็นพระและถูกดำเนินคดีทางกฎหมายต่อมาถูกนำไปกักขังไว้ที่กองบังคับการตำรวจสันติบาล(สันติบาลาราม)


                           แต่ท่านปฎิเสธ ไม่ยินยอมสละสมณเพศ โดยขอต่อสู้คดีในขณะที่ยังคงเป็นพระสงฆ์และไม่ยอมเปล่งวาจาว่าจะสึกจากความเป็นพระ แม้ว่าจะมีการฉุดกระชากผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากร่างก็ตาม แต่ท่านก็นุ่งห่มผ้าขาวแทนจีวร ถือศีล 227 ข้อ ประพฤติตนเป็นพระเหมือนไม่ลาสิกขา ต่อมาหลวงพ่อสังข์  สุริโย ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าคุณเป็นอย่างดีเพราะช่วงหนึ่งก่อนไปอยู่วัดสระเกศกับพระอาจารย์บุญมี เคยไปอยู่วัดมหาธาตุ เป็นอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐาน อีกทั้งเป็นพระชาวอีสานเหมือนกัน(พระพิมลธรรมเป็นชาวขอนแก่น) ได้เข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจและทำพิธีสวดมนต์ให้พรและทำนายว่าไม่มีใครทำอะไรท่านเจ้าคุณได้ ให้ต่อสู้คดีความให้ถึงที่สุด จะชนะคดีความแน่นอน ก่อนกลับหลวงพ่อสังข์ได้มอบ พระโคโพธิสัตว์ พิมพ์ใหญ่ พร้อมสร้อยประคำให้เจ้าคุณและกำชับให้สวมคอไว้ตลอดเวลา จึงเป็นข้อมูลและหลักฐานที่สำคัญที่สุดว่าหลวงพ่อสังข์ได้เลือกเครื่องราง ของขลังที่ดีที่สุดและเชื่อมั่นที่สุดที่หลวงพ่อสร้างและปลุกเสกไว้เป็นอย่างดีว่ามีความขลัง มีอิทธิปาฏิิหาริย์ ที่จะสามารถช่วยปกป้อง คุ้มครอง ป้องกันภัยอัตรายจากอธรรมทั้งปวงรวมทั้งเพื่อช่วยพระพิมลธรรมให้สามารถชนะคดีได้  แล้วก็ลากลับ


                      สร้อยประคำพร้อมห้อยพระโคโพธิสัตว์พิมพ์ใหญ่องค์นี้ครับ ที่หลวงพ่อสังข์ มอบให้และเจ้าคุณพระพิมลธรรมห้อยไว้ติดคอตลอดเวลา(หลวงพ่อสังข์ เลือกเอง มีหลายพิมพ์ แต่เลือกพิมพ์ใหญ่)


                           ศิษย์สุริโย โชคดีมี 1 ชุด เป็นชุดที่มีลักษณะเดียวกันกับในคออดีตพระพิมลธรรมที่หลวงพ่อสังข์ได้มอบไว้ให้สรวมคอ กล่าวคือ เป็นสร้อยประคำและห้อยพระโคพิมพ์ใหญ่เป็นองค์ประธานครับ


สร้อยประคำยุคแรก ของแท้ และดั้งเดิม
                 
          
                      หลังจากต่อสู้คดีกันอย่างยาวนานหลายปีตั้งแต่ปี 2505 ถึง ปี 2509  พระพิมลธรรมได้สรวมประคำห้อยพระโคชุดนี้ไว้ตลอดเวลาไม่เคยห่างกายไม่ว่าจะอยู่ที่สันติบารารามหรือเวลาไปขึ้นศาล ในที่สุด ท่านชนะคดีความ ศาลยกฟ้อง ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป เจ้าคุณพระพิมลธรรมจึงได้กลับมาสรวมผ้ากาสาวพัสตร์อีกครั้ง ตามที่หลวงพ่อสังข์ได้ทำนายไว้ล่วงหน้า ต่อมาคณะสงฆ์ได้คืนตำแหน่งอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ คืนสมณศักดิ์รองสมเด็จพระราชาคณะที่พระพิมลธรรม และต่อมาได้เลื่อนเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราชในที่สุด จนกระทั่งได้ถึงแก่มรณะภาพในปี2533 สิริชนมายุได้ 86 ปี

   
                      ชุดนี้ เป็นของพระอาจารย์บุญมี  วัดสระเกศ ศิษย์เอก ที่พระอาจารย์พกติดตัวไว้ในย่ามตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนทั่วประเทศไทยหรือแม้แต่ไปต่างประเทศก็ไม่เคยขาด เป็นพระโคโพธิสัตว์ พิมพ์ใหญ่เขาโค้ง ลงรักปิดทอง ห้อยติดอยู่กับสร้อยประคำ( ศิษย์สุริโย ใคร่ขออนุญาตเจ้าของภาพและ พระอาจารย์บุญมี วัดสระเกศ เจ้าของพระ นำภาพ และข้อมูลเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานเป็นอย่างสูงครับ) ศิษย์สุริโยเข้าใจว่า ที่หลวงพ่อสังข์ นำพระโคมาห้อยไว้กับสร้อยประคำ เนื่องจาก การมอบพระโคให้พระสงฆ์นั้น ควรจะห้อยไว้กับสร้อยประคำ จึงจะเหมาะแก่การพกพา เพราะว่าพระสงฆ์ไม่เหมาะที่จะห้อยวัตถุมงคลไว้กับสร้อย เช่น ทองรูปพรรณหรือโลหะอย่างอื่นเหมือนกับฆราวาส อีกประการหนึ่งก็เพื่อประโยชน์เพิ่มในการสวดมนต์ภาวนาซึ่งเม็ดประคำจะเป็นตัวช่วยในการนับคาบของการสวดมนต์มิให้หลงลืมหรือเสียสมาธิจากการนับคาบซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจำนวน  108 คาบ และสร้อยประคำส่วนใหญ่ก็จะมี 108 เม็ดพอดีเช่นกัน  แต่ต่อมาภายหลังก็ปรากฎหลักฐานว่าได้มีการมอบเป็นชุดสร้อยประคำพร้อมพระโค ให้แก่ฆราวาสก็มีให้พบเห็นบ้างแต่มีจำนวนไม่มากนัก
                   พระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีสร้อยประคำห้อยพระโค หลวงพ่อสังข์ ก็คือ เจ้าคุณพระเทพวรมุนี(เสน ปัญญาวชิโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม(วัดพระโต) พระอารามหลวง อดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ท่านนับถือหลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม มาก ถึงกับยกย่องให้เป็นเกจิอาจารย์เลยทีเดียว



                       เฮียหยวย สันติยนต์ เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อสังข์ เคยเข้าไปทำพิธีลงอาถรรพ์ทั้งที่ตัว และที่กุฏิของท่านเจ้าคุณ และก่อนกลับ ได้มอบสร้อยประคำห้อยพระโคไว้ให้ใช้ติดตัว เล่ากันว่าท่านเจ้าคุณใส่ไว้ในย่ามติดตัวตลอดเวลาไม่ห่างกาย แต่เมื่อท่านเจ้าคุณมรภาพ ไม่ทราบว่าสร้อยประคำชุดนี้ ตกไปอยู่ที่ใคร


                    พระโคโพธิสัตว์พิมพ์ใหญ่ เขาโค้ง ลงรักน้ำเกลี้ยง ปิดทองพองาม


                       พระโคองค์นี้ กดพิมพ์ได้ คม ชัด ลึก  องค์พระสวยสมบูรณ์ ความเก่าถึงอายุ สังเกตุได้จากเนื้อพระและผิวพระแห้งหดตัวเป็นธรรมชาติแบบเดิม ๆ  ดูง่ายมาก ถ้าใช้สำนวนในวงไฮโลก็เปรียบเสมือน เปิดถ้วยแทง ได้เลย เป็นองค์ครูได้เลยครับสำหรับผู้เริ่มศึกษาและยังไม่ชำนาญในการดูเนื้อพระหลวงพ่อสังข์ 

 
                 พระโคโพธิสัตว์ พิมพ์ใหญ่ เขาตรง ห่วงทองแดงใหญ่ ปิดทองพองาม


                       พิมพ์ใหญ่ เขาตรงพิมพ์นี้เข้าใจว่า น่าจะเป็นพิมพ์ที่หลวงพ่อแกะขึ้นมาใหม่ หลังจากสร้างพิมพ์แรกออกมาไม่นาน แต่เนื้อหามวลสารก็จัดจ้านไม่แพ้กัน
                       จากการรวบรวมหลักฐานข้อมูล และข้อเท็จจริงต่าง ๆ อย่างรอบด้านทุกมิติดังกล่าว มาประกอบการพิจารณาและประมวลผลในการตัดสิน ไม่ได้เกิดจากการจินตนาการ นั่งเทียน หรือสร้างมโนภาพเอาเองแต่ประการใด จึงพอสรุป ตามความเห็นของ ศิษย์สุริโย ได้ว่าที่สุดหลวงพ่อสังข์ ก็คือ พระโคโพธิสัตว์เนื้อผง พิมพ์ใหญ่ นั่นเอง ฟันธง 

                
                      กราบคารวะหลวงพ่อสังข์  สุริโย ด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง