วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปลาข่อกั้งฮุบปลัด (ไม้แกะ)



                     ปลาข่อกั้งฮุบปลัด (ไม้แกะ) ทารักดำ ปิดทองบาง ๆ พองาม ฝีมือการแกะ และปลุกเสกโดย หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                    ไม้ที่ใช้แกะ มีลักษณะเบา แห้ง ได้อายุ เข้าใจว่าเป็นไม้รักซ้อน ด้านข้างตัวปลา ฝังห่วงทองแดง เป็นห่วงคู่ซึ่งหลวงพ่อทำไว้ใช้สำหรับร้อยเชือกเพื่อการพกพา





                     ปลาข่อกั้งตัวนี้ ทำพิเศษ เพราะว่า หลวงพ่อผูกด้ายสายสิิญจน์เสก ไว้ระหว่างห่วงทองแดงคู่ไว้ด้วย อีกทั้ง หลังปลาข่อกั้ง หลวงพ่อจารยันต์ อุ ขึ้นยอดจากหัวปลาโดยมีหางยันต์ลากยาว เกือบถึงหางปลา เขย่าดูแล้วไม่ฝังกริ่ง




                        หลวงพ่อแกะลายเกล็ดปลาข่อกั้งทั้งตัว ทำให้ดูแล้วสวยงาม มีเสน่ห์ และเพิ่มคุณค่า ของเครื่องรางชิ้นนี้ขึ้นไปอีก




                  ส่วนพุทธคุณ เล่าลือกันว่า เด่นด้านเมตตา มหานิยม มหาลาภ(เรียกทรัพย์)และ การเจรจาค้าขายก็สุดยอด ขอขอบคุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ที่ได้มอบภาพถ่ายเครื่องรางชิ้นนี้เผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานครับ



วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นางสิกขี (ทรงเครื่อง) หลังยันต์ ไม่มีห่วง


                   นางสิกขี(ทรงเครื่อง) หลังยันต์  ไม่มีห่วง เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงว่าน 108 คลุกรัก และปิดทองพองามครับ สร้างและปลุกเสกโดย พระครูอุดมวรเวท ( สังข์  สุริโย ) วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                     หลังยันต์ ไม่มีห่วง นางสิกขีรุ่นนี้ เป็นรุ่นหลังเรียบตรง ฝังกริ่ง ประทับยันต์เฑาะว์ขัดสมาธิใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อ ออกแบบยันต์ตัวนี้ ได้สวยงามคลาสสิคมากครับ และ องค์นี้ ประทับยันต์ได้ คม ชัด ลึก สวยงามมากครับ นางสิกขี หลวงพ่อสังข์ รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่มีการปลอมแปลงมากที่สุดและหลายฝีมือ ของปลอมมีทั้งหลังยันต์ หลังเรียบไม่มียันต์ และ หลังยันต์แบบแปลก ๆ ซึ่งดูแล้วไม่ใช่ยันต์เฑาะว์ก็มีปรากฎให้เห็น เพื่อน ๆ ที่จะเช่าหาต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ

                  ขอขอบคุณ ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายของนางสิกขีองค์สวยสุดยอดองค์นี้ และภาพถ่ายของหลวงพ่อสังข์ มาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันเพื่อเป็นวิทยาทานและใช้เป็นแนวทางในการสะสมเช่าหาครับ

                          ส่วนพุทธคุณนั้น นางสิกขี เด่นมากทาง เมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยม แต่ทางด้านโภคทรัพย์ ลาภสักการะ เจรจาค้าขาย ก็ไม่เป็นสองรองใครครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เรื่องเล่า อภินิหาร เหรียญรุ่น 2 หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม



               เรื่องเล่า เกี่ยวกับวัตถุมงคลของ หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นั้น มีมากมายหลายเรื่อง ซึ่งผู้เขียนไม่ค่อยได้นำเสนอ แต่มีอยู่ 1 เรื่อง ที่อยากจะบอกกล่าวให้ทราบ เรื่องนี้ เฮียหยวย  ร้านสันติยนต์ เป็นผู้เล่าให้ ศิษย์สุริโย ฟัง

                ครั้งหนึ่ง ประมาณปี 2520 กว่า ๆ ประมาณนั้น หลวงพ่อสังข์ ฝากข่าวกับรถประจำทางสาย ศรีสะเกษ - กันทรลักษ์ ให้ไปบอกเฮียหยวยเข้าไปซ่อมเครื่องสูบน้ำของวัดนากันตมที่ชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้การได้ เฮียหยวยนั่งคิดอยู่หลายวันว่าจะต้องนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อม เช่น เครื่องมือ อะไหล่ ขนใส่รถยนต์ไป และจะต้องหาคนไปด้วยเพื่อเป็นลูกมือในการซ่อม พร้อมกับเป็นเพื่อนไปในตัวด้วย ขณะนั้นชวนใครก็ไม่มีใครว่าง ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำมาหากิน การค้าการขายเพื่อความเป็นอยู่และปากท้องของตัวเองและครอบครัว

             วันหนึ่ง แกไปนั่งกินกาแฟในตอนเช้าที่ข้างศาลเจ้ากับร้านกาแฟเจ้าประจำคือร้านของ เฮียคุ๊ง (ปัจจุบัน เสียชีวิตแล้ว) ก็เลยเอ่ยปากชวนเฮียเขาเล่น ๆ ว่านั่งรถยนต์ไปเที่ยวกันทรลักษ์ด้วยกันไหม จะไปซ่อมเครื่องสูบน้ำให้หลวงพ่อสังข์ เฮียคุ้ง ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล พร้อมกับบอกว่า ขายกาแฟในตอนเช้าเสร็จสาย ๆ หน่อยก็ว่างแล้วจะไปวันไหนนัดมาเลย โดยในขณะพูดแกไม่ยอมสบสายตากับอาซ้อเมียแกที่ยืนทำตาเขียว ล้างแก้วกาแฟอยู่ข้าง ๆ และเมียแกคงจะนึกในใจว่า หาเรื่องไปเที่ยวอีกแล้ว สามีเรา ซึ่งเฮียหยวยก็รีบนัดทันทีว่า วันรุ่งขึ้น 9 โมงเช้าให้เตรียมตัวไว้จะเอารถมารับที่ร้าน

            ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รับเฮียคุ๊งแล้วก็รีบเข้าไปอำเภอกันทรลักษ์ เมื่อไปถึงพบหลวงพ่อรออยู่แล้ว จึงรีบลงมือทำงานทันทีโดยมีเฮียคุ๊งเป็นลูกมือ เมื่อเสร็จงานก็ถือโอกาสเป็นลูกศิษย์วัดกินข้าวก้นบาตรที่วัดพร้อมเสร็จสรรพ บ่าย ๆ ก็เตรียมตัวกลับศรีสะเกษ ในฐานะศิษย์เอกเฮียหยวยซ่อมให้ฟรีเหมือนเดิมโดยไม่คิดทั้งค่าอะไหล่และค่าแรง ก่อนกลับ หลวงพ่อสังข์ หายเข้าไปในห้องหยิบวัตถุมงคลเป็นเหรียญรูปไข่ มาให้เป็นสินน้ำใจเช่นเคย โดยให้ทั้ง 2 คน เฮียหยวยได้ 4 เหรียญ เฮียคุ๊งได้ 2 เหรียญ เฮียหยวยเหลือบมองดูแว๊บเดียวก็จำได้ว่า เป็นเหรียญรุ่น 2 ซึ่งออกในปี 2519 เพราะว่า สังเกตุเห็นโค้ดดอกจันทน์ที่ตอกไว้เหนือไหล่ซ้ายของหลวงพ่อในเหรียญชัดเจน ทั้ง 2 ก้มลงกราบแล้วก็ลากลับ

             ต่อมาทั้ง 2 คน ก็กลับมาใช้ชีวิตทำมาหากินกันตามปกติ  ได้สักระยะหนึ่งเฮียหยวยแกเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสั่งสินค้า จำพวกอะไหล่รถยนต์ต่าง ๆ เข้ามาขาย กลับมาถึงบ้านลูกเมียบอกว่า วันก่อนเห็นเฮียคุ้งมาถามหาสอบถามได้ความว่า ไม่ได้ขายกาแฟในช่วงนี้ เพราะอาซ้อเมียแกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำบาดเจ็บ ออกจากโรงพยาบาลแล้ว กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้าน พอทราบข่าว สาย ๆ วันนั้น เฮียหยวยแกก็ไปเยี่ยม เห็นอาซ้อเมียแกนอนซมอยู่บนเตียงนอน มีเฮียคุ๊งและลูกแก 2 คน เฝ้าดูด้วยความห่วงไยอยู่ข้าง ๆ มองดูสภาพเห็นรอยแผล รอยฟกช้ำดำเขียวตามร่างกายหลายแห่งเต็มไปหมด โดยเฉพาะที่ศรีษะมีรอยเลือดซึมใช้ผ้าพันแผลพันรอบศรีษะเอาไว้ อีกทั้งใบหน้าบวมเป่งมีรอยฟกช้ำที่ตาทั้งสองข้าง สอบถามได้ความว่า เพื่อน ๆ เมียแก ชวนกันไปเที่ยวดูงานแข่งเรือที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ห่างจากศรีสะเกษออกไปประมาณ 60 กิโลเมตรเศษ เฮียคุ๊งไม่ได้ไปด้วย ไปกันด้วยรถกระบะเล็กไม่มีหลังคา เจ้าของรถยนต์เป็นคนขับ นั่งอยู่ตอนหน้ากับเมียแก ส่วนเมียเฮียคุ๊งกับลูก 2 คน และเพื่อน ๆ อีกประมาณ 4 - 5 คน นั่งอยู่ที่กระบะท้าย ถนนหลวงสมัยนั้น เป็นถนนลาดยางมะตอยแต่ชำรุดทรุดโทรมมาก เนื่องจากเพิ่งออกพรรษาฝนตกน้ำท่วมถนนหลวงยังไม่ทันได้ซ่อมแซม พอรถยนต์วิ่งไปได้ยังไม่ถึง 10 กิโลเมตร ก็เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ  ตกลงข้างถนนซึ่งไหล่ถนนสูงพอสมควร ลูก ๆ แกเล่าว่ารถยนต์วิ่งเร็วมาก เมื่อพลิกคว่ำทำให้คนที่อยู่ท้ายรถกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง ผลปรากฎว่าทุกคนบาดเจ็บกันทั้งคันรถโดยเฉพาะเมียคนขับที่นั่งอยู่ตอนหน้ากับสามีหนักกว่าเพื่อน แต่ไม่มีใครเสียชีวิต  ยกเว้น เด็ก 2 คน คือลูกเฮียคุ๊ง ไม่มีรอยฟกช้ำดำเขียวหรือรอยบาดแผลเท่าแมวข่วนก็ไม่มี พากันเดินออกมาจากที่เกิดเหตุหน้าตาเฉย แล้วเด็กทั้งสองคนก็รีบวิ่งขึ้นไปบนไหล่ถนนเพื่อโบกรถที่วิ่งผ่านไปมาให้ช่วยกันนำคนเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลศรีสะเกษ 

                  เฮียคุ๊งแกเล่าว่า พอได้เหรียญหลวงพ่อสังข์ 2 เหรียญมาแล้ว แกก็เอาเชือกสายร่มทำเป็นสร้อยห้อยเหรียญและห้อยคอลูกแกไว้ทั้งสองคนเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น เมื่อรถคว่ำวันนั้นเด็กทั้ง 2 คน ก็ห้อยเหรียญอยู่ในคอจึงได้แคล้วคลาด ถ้าจะว่าเป็นเหตุบังเอิญมันก็น่าแปลกที่ทำไมจะต้องเกิดบังเอิญพร้อมกันทั้งสองคน แกคิดว่า นี่ถ้าเผื่อว่าแกมีเหรียญรุ่นนี้อีกสักหนึ่งเหรียญให้เมียแกใส่ติดตัว เมียแกก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้  เฮียคุ๊งเมื่อได้เจออภินิหาร แคล้วคลาดแบบจะจะ โดยสามารถปกป้อง คุ้มครองชีวิตลูกทั้ง 2 คนของแกพร้อมกัน ของเหรียญรุ่นนี้แล้ว วันนั้นแกจึงไปหาเฮียหยวยที่บ้านเพื่อบอกข่าวและจะขอเหรียญรุ่นนี้ อีกสัก 2 เหรียญ เพื่อแกกับเมียแกจะได้เอาไว้ใช้ติดตัว ซึ่งเฮียหยวยก็ไม่ขัดข้องรีบจัดให้ทันที เพราะว่าตอนนั้น เฮียหยวยแกมีเหรียญรุ่นนี้เกือบ 20 เหรียญ ( แต่ปัจจุบันผ่านมา 30 ปีเศษ เห็นว่าไม่มีเหลือแม้แต่เหรียญเดียว )
 


                 เหรียญที่กล่าวถึงคือเหรียญรุ่นนี้ ออกปี 2519 พระอาจารย์บุญมี วัดสระเกศ เป็นคนสร้าง หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม เป็นคนปลุกเสกเดี่ยว จำนวน 10,000 เหรียญ เพื่อน ๆท่านใดที่ยังไม่มี รีบหาไว้ซะ ต่อไป ราคาพุ่งสูงขึ้นแน่นอน

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วัตถุมงคล รุ่นสุดท้าย


                   จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่า วัตถุมงคลอะไรที่เป็นรุ่นสุดท้ายจริง ๆ ซึ่งหลวงพ่อ ปลุกเสกก่อนมรณะภาพเพียงไม่กี่วัน ของ พระครูอุดมวรเวท (หลวงพ่อสังข์  สุริโย) วัดนากันตม ตำบลสังเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ  ไม่น่าเชื่อนะครับว่า เป็นผ้ายันต์ พระพุทธนิมิตร นั่นเอง 

                   การสร้างผ้ายันต์รุ่นสุดท้ายนี้ เกิดขึ้นเนื่องจาก ประมาณต้นเดือน กรกฎาคม 2526 หลวงพ่อสังข์ อาพาธ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ สาเหตุที่ป่วยเนื่องจากหลวงพ่อโดนเม็ดฝนที่ตกค่อนข้างหนัก จากการไปรองน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าในช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อเล่าว่า หลวงพ่อชอบที่จะนำบาตรพระไปรองน้ำฝนที่ตกลงมากลางแจ้ง โดยไม่ให้น้ำฝนผ่านชายคา หรือ รางน้ำ เพื่อให้ได้น้ำใสบริสุทธิ์ เพื่อนำไปเพ่งกสิณ (น้ำที่มีสีขุ่น ดำ แดง เหลือง น้ำที่ใส่ในภาชนะต่าง ๆ น้ำประปา น้ำในลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง หรือตักจากบ่อน้ำ ใช้ไม่ได้) เล่ากันว่า หลวงพ่อสังข์ ท่านสำเร็จ อาโปกสิณ (กสิณน้ำ)โดยการเพ่งน้ำบริสุทธิ์เพื่อทำสมาธิจิต จากการโดนเม็ดฝนที่ตกหนักคราวนี้ จึงทำให้ป่วยเป็นไข้หวัด คราวนี้อาการหนักมาก อาจเป็นเพราะหลวงพ่ออายุมากขึ้น จึงบอกให้ศิษย์เอก ซึ่งก็คือ เฮียหยวย ร้านสันติยนต์ อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ พาไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ พอหลวงพ่อไปอยู่โรงพยาบาลอาการก็ทุเลา แต่ก็ยังไม่หายขาดหมอจึงยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เฮียหยวยไปเยี่ยมเกือบทุกวัน มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อบ่นให้เฮียหยวยซึ่งตอนนั้นอยู่กันสองคนกับหลวงพ่อในห้องฟังว่า อยากกลับวัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ เนื่องจากคิดถึงวัด คิดถึงญาติโยมที่วัด แต่ก่อนกลับอยากจะตอบแทนคุณเฮียหยวยศิษย์เอกซึ่งคอยรับใช้หลวงพ่อมาหลายสิบปี อีกทั้งหาเงินเข้าวัดทั้ง กฐิน ผ้าป่า ก็หลายครั้ง เอารถบรรทุกขนอิฐ หิน ปูน ทราย เหล็กเส้น ไปส่งวัดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายก็หลายครั้ง เจ็บป่วยอาพาธก็เอารถไปรับถึงวัดนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลต่าง ๆ อยู่เนือง ๆรวมทั้งคราวนี้ด้วย จึงบอกให้เฮียหยวยไปเอาบล็อคพิมพ์ผ้ายันต์ที่กุฏิหลวงพ่อที่วัดนากันตมไปพิมพ์ผ้ามาให้สัก 4 - 5 ไม้(พับ) ให้เอามาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ หลวงพ่อจะปลุกเสกให้ที่โรงพยาบาลเลย และไม่พูดอะไรอีก 

                   เฮียหยวยกลับไปที่ร้าน ช่วงนั้นงานก็ยุ่ง ฝนก็ตกบ่อยเพราะเป็นฤดูฝน จึงไม่สะดวกและไม่มีเวลาขับรถไปเอาบล็อคที่วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งห่างออกไปจากโรงพยาบาล ถึง 60 กิโลเมตรเศษ หลายวันจึงไม่ได้ไปเยี่ยมหลวงพ่อ เมื่อไปเยี่ยมอีกครั้ง หลวงพ่อบ่นว่า ทำไมไม่รีบไปทำผ้ายันต์มา โดยคราวนี้ หลวงพ่อยื่นคำขาดว่าให้ทำมาให้ได้ภายในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพราะจะกลับวัดแล้ว เฮียหยวยจึงรีบตาลีตาเหลือกไปซื้อผ้าแดง จำนวน 5 ไม้(ห้าพับ) ไปเอาบล็อคที่วัดตามคำสั่ง แล้วรีบนำไปให้เฮียนิจ (คุณพินิจ  นาควารินทร์) เจ้าของโรงพิมพ์ศรีสะเกษการพิมพ์ ทำให้เหมือนทุกครั้ง โดยไม่ลืมกำชับว่าให้รีบดำเนินให้เสร็จภายในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะวันเสาร์จะเอาไปให้หลวงพ่อปลุกเสก เฮียนิจก็ดีใจหายเหมือนกับรู้หน้าที่ เพราะเคยใช้บริการพิมพ์ผ้ายันต์กันมาก่อนแล้วหลายครั้ง จึงรีบเร่งทำเสร็จตามกำหนด ได้ผ้ายันต์ประมาณ 500 ผืนเศษ 

                  วันรุ่งขึ้น เฮียหยวยนำผ้ายันต์ทั้งหมด ใส่กล่องกระดาษ 2 กล่องแบกไปให้หลวงพ่อสังข์ ปลุกเสกที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลศรีสะเกษ เฮียหยวยเล่าว่า ตอนเย็นวันนั้นหลวงพ่อสั่งให้นำกล่องผ้ายันต์ทั้ง 2 กล่อง มาวางซ้อนกันไว้ข้างเตียง หลวงพ่อลุกขึ้นนั่งบนเตียงคนป่วย หย่อนขาทั้ง 2 ข้างลงข้างเตียงใช้เท้าทั้ง 2 ข้าง เหยียบลงบนกล่องผ้ายันต์ คล้ายกับจะแผ่พลังพุทธาคมผ่านฝ่าเท้าไปยังผ้ายันต์ทั้ง 2 กล่องนั้น ต่อมาหลวงพ่อก็เข้าสมาธิอยู่ในอาการสงบนิ่ง พนมมือขึ้น หลับตาลง ร่ายเวทมนต์ คาถาอาคม เสียงดังพอสมควร ปลุกเสกเป็นเวลานานมาก ประมาณกว่าครึ่งชั่วโมงจึงหยุดและลืมตาขึ้น แล้วเอ่ยปากกับเฮียหยวยศิษย์รักซึ่งทั้งนั่งสลับนอนรอดูการปลุกเสกอยู่บนโซฟาข้าง ๆ ว่าเสร็จแล้ว คราวนี้ปลุกเสกให้เป็นพิเศษกว่าทุกครั้งให้เอากลับไปได้และกำชับให้มารับกลับวัดนากันตมในวันพรุ่งนี้

                        ฮียหยวยก็แปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะได้รับวัตถุมงคลมาก็หลายครั้งแต่หลวงพ่อไม่เคยพูดอะไรเลย มาคราวนี้ย้ำนักย้ำหนาว่า ทำให้เป็นพิเศษ ให้เก็บรักษาไว้ให้ดีเพราะว่าจะไม่สร้างวัตถุมงคลใด ๆ อีกแล้ว



                   ผ้ายันต์ที่ปลุกเสกรุ่นสุดท้ายนี้ ก็คือ ผ้ายันต์พระพุทธนิมิตรบล็อคที่สร้างขึ้นตั้งแต่ เดือน ธันวาคม 2520 นั่นเอง



                        ผ้ายันต์รุ่นสุดท้ายนี้ หมึกพิมพ์ออกจะสีจางไปสักหน่อย สีสันลายเส้นและอักขระเลขยันต์อาจจะไม่คมชัดเหมือนรุ่นก่อน ๆ เพราะเฮียนิจ แกเร่งทำให้เสร็จตามกำหนดที่หลวงพ่อสั่งไว้



                   ยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิขึ้นยอด ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อยังเด่นชัด  ล้อมรอบด้วยคาถา นะ กะ อะ ปิ  ซึ่งเป็นสุดยอดของคาถามหาเสน่ห์ และเมตตามหานิยมเป็นเลิศ ยังคงความเข้มขลัง เช่นเดิม



                 เนื่องจากผ้ายันต์บล็อคนี้ มีการพิมพ์ขึ้นมาหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2520 จนถึงปี 2526 คนที่สั่งพิมพ์คือเฮียหยวย คนทำคือเฮียนิจ คนที่ปลุกเสกคือ หลวงพ่อสังข์ เมื่อพิมพ์ซ้ำหลายครั้งเป็นพัน เป็นหมื่นครั้ง ทำให้บล็อคเกิดมีคราบสกปรกของหมึกพิมพ์แข็งตัวติดอยู่กับบล็อค ล้างไม่ออก จึงเกิดรอยตำหนิขึ้นในพิมพ์ ในรุ่นสุดท้ายซึ่งหลวงพ่อปลุกเสกให้เป็นพิเศษที่โรงพยาบาลนั้น มีรอยคราบสีดำติดอยู่ที่ตำแหน่งหน้าอกซ้ายขององค์พระตรงเส้นยันต์ตัดกันตามรูป



รอยตำหนิชัด ๆ ในวงกลม


                    เมื่อหลวงพ่อสังข์ปลุกเสกผ้ายันต์รุ่นสุดท้ายในวันเสาร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2526 นี้แล้ว(วันเสาร์ ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นวันแข็ง ถ้าปลุกเสกวัตถุมงคลจะเข้มขลังมากที่สุด กว่าวันอื่น ๆ ในรอบสัปดาห์ โดยเฉพาะถ้าเป็นเสาร์ 5 ถือว่าสุดยอด) วันรุ่งขึ้น คือวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฏาคม 2526 เฮียหยวยก็เอารถไปรับหลวงพ่อก็กลับไปรักษาตัวต่อที่วัด และ ต่อมาหลวงพ่อก็มรณะภาพ ในวันพฤหัสบดี ที่ 19 กรกฏาคม 2526 เวลา 11.00 น. โดยท่านนอนตะแคงเบื้องขวา เหยียดตัวนิ่ง ดูเหมือนว่าจะเตรียมตัวพร้อมว่าท่านจะต้องละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว ขณะนั้นคงจะตั้งสติระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์หรือบทใดบทหนึ่งแน่นอน อาการจากไปของท่านจึงสงบเหมือนคนนอนหลับไม่สะดุ้งสะเทือนใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างจบลงแล้วทั้ง ชีวิต ภาระ หน้าที่ การงาน การสร้างวัตถุมงคล ก็สิ้นสุดลงตั้งแต่บัดนั้น

                     เฮียหยวยเมื่อทราบข่าวก็รีบไปที่วัด อาจารย์บุญมี วัดสระเกศ ก็รีบขึ้นมาจากกรุงเทพฯ เมื่อจัดการงานต่าง ๆ จนเรียบร้อยแล้ว จึงได้หวนกลับมาคิดว่าช่วงเวลาที่อยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ทำไมหลวงพ่อจึงรีบอยากกลับวัดทั้งที่อาการป่วยก็ยังไม่หาย ทำไมหลวงพ่อเร่งรัดให้รีบทำผ้ายันต์ไปให้ปลุกเสกในวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2526 ซึ่งเป็นวันก่อนมรณะภาพในวันที่ 19 กรกฎาคม เพียง 5 วันให้ได้ และเมื่อปลุกเสกเสร็จแล้วยังกำชับกับศิษย์เอกว่า ให้เก็บไว้ให้ดี ทำให้พิเศษและจะไม่ทำวัตถุมงคลใด ๆ อีกแล้ว หรือว่า หลวงพ่อสำเร็จ อนาคตังสญาณ คือ เป็นญาณของผู้สำเร็จอภิญญาจิต สามารถล่วงรู้อนาคตของตัวเอง และ กำหนดวันละสังขารล่วงหน้าไว้แล้ว

                      ต่อมาผ้ายันต์รุ่นนั้น เฮียหยวย ได้แบ่งให้เฮียนิจ เจ้าของโรงพิมพ์ศรีสะเกษการพิมพ์ ซึ่งทำให้ฟรีทุกครั้งโดยไม่คิดค่าจ้าง ประมาณ 20 ผืน เก็บเอาไว้บูชากราบไหว้และไว้แจกญาติสนิท มิตรสหายของตัวเอง ประมาณ 150 ผืน ที่เหลือได้นำไปแจกในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ของ หลวงพ่อสังข์ สุริโย ที่วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ ในวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2532  จนหมด(หรือหลวงพ่อสั่งให้ทำเตรียมไว้เพื่อแจกญาติโยมในงานพระราชทานเพลิงศพของตัวเอง)

                       ดังนั้น ใครมีผ้ายันต์ พระพุทธนิมิตร ผืนสีแดง (เท่านั้น) อยู่ในครอบครอง ก็รีบเอาออกมาคลี่ดูซะ ถ้าพบตำหนิตามที่ผู้เขียนกล่าวมาแล้ว ขอให้ท่านเก็บรักษาไว้ให้ดี เพราะว่าท่านได้ครอบครองสุดยอดวัตถุมงคลที่หลวงพ่อสังข์ ปลุกเสกและอัดพลังความศักดิ์สิทธิ์ให้เต็มที่เป็นพิเศษส่งท้ายก่อนมรณะภาพเพียง 5 วัน เจอที่ไหนอย่าปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด ขอบอก

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปลัดหัวปลาไหล(เขาควายเผือก)


                 ปลัดหัวปลาไหล(เขาควายเผือก) สร้างและปลุกเสกโดย หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ



                   หลวงพ่อสังข์ แกะจากเขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดแห่งปลัด เนื่องจาก เขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย โบราณถือกันว่าเป็น 1 ใน 5 สิ่งสุดยอดของทนสิทธิ์ เขา เขี้ยว งา 5 ชนิด ดังต่อไปนี้

                          1.  เขี้ยวหมูตัน
                    2.  ฟันเสือกลวง
                    3.  งาช้างดำ
                    4.  เขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย
                    5.  เขากวางคุด

                  เขาควายเผือกฟ้าผ่าตายมีความขลังอยู่ในตัวเองเนื่องจากมีความเชื่อกันว่า สัตว์ชนิดใดก็ตามที่เกิดตามตำราคือผิวกายขาวเผือกถือว่าเป็นสัตว์ที่มีบุญญาธิการเป็นพระโพธิสัตว์ลงมาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมี จึงมีอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ในตัวสูง อีกทั้งเมื่อได้รับได้รับพลังมหาศาลจากฟากฟ้าซึ่งอยู่บนสรวงสวรรค์จึงทำให้เกิดความขลังและความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีคูณ



                      แก้มซ้ายของปลัดหลวงพ่อจารยันต์ อุณาโลม ส่วนตัวอื่นดูไม่ออก



                    แก้มขวาของปลัดจารยันต์ อุณาโลม ส่วนตัวอื่นอ่านไม่ออกเช่นกัน



ส่วนด้านบนจารยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ 


ลำตัวปลัดด้านขวาจารยันต์ พุท ธะ สัง มิ  


ลำตัวปลัดด้านซ้าย จารยันต์ นะ มะ พะ ทะ 


                  เฉพาะเขาควายเผือกฟ้าผ่าตายก็สุดยอดแล้ว ยิ่งได้รับการปลุกเสกจากสุดยอดเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์อย่าง หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม ด้วยแล้ว



ความเข้มขลังจึงไม่ต้องพูดถึง


พุทธคุณจึงสูงส่งครอบจักรวาล เด่นทุกด้านครับ

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

ชูชก หลังจาร


                ชูชก เนื้อผงพุทธคุณ ผสมครั่ง และ ผงว่านยา 108 ทารักน้ำเกลี้ยง สร้างและปลุกเสกโดย หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                 ด้านหลังของชูชกพิมพ์นี้เรียบ แต่ไม่ได้ทารักน้ำเกลี้ยงเหมือนด้านหน้า ทำให้มองเห็นเนื้อผงพุทธคุณชัดเจน ที่สำคัญก็คือ พิมพ์นี้หลวงพ่อสังข์ ท่านจารเปียกยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ หรือ เฑาะว์ขึ้นยอด หรือ บางท่านเรียก เฑาะว์มหาพรหม ด้วยมือของหลวงพ่อเองไว้ด้านหลังอย่างชัดเจนครับ


                   ดูยันต์ชัด ๆ ครับ หลวงพ่อจารยันต์ตัวนี้ ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อ ได้สวยงามมาก


           ฝีมือการแกะบล๊อคของหลวงพ่อสุดยอดคลาสสิก


                ส่วนพุทธคุณนั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าชูชกทุกเกจิอาจารย์เน้นให้เป็นสุดยอดแห่งการขอ ใครมีไว้บูชาก็อธิษฐานจิตต์ ขอให้เกิดผลทางด้านต่าง ๆ เช่น ขอให้ประสพความสำเร็จ ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง โชคลาภ สุขภาพแข็งแรงหายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ก็แล้วแต่จะอธิษฐานขอกันเอาเองนะครับ ขอให้เป็นของแท้เท่านั้นท่านจะสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของชูชกของ หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม ได้อย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พระบูชา ไม้แก่นขามแกะ



                พระบูชา ไม้แก่นขามแกะ หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ



                      ฝีมือการแกะชั้นครู โดยหลวงพ่อจะต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้แกะ คือ ปลายมีดต้องคมกริบ มือต้องแข็ง ดวงจิตต์ต้องนิ่ง สมาธิต้องแน่วแน่มั่นคง การกรีดคมมีดลงบนแก่นขามแต่ละครั้งต้องมิให้ผิดพลาด คลาดเคลื่อน หลวงพ่อแกะแก่นไม้ขาม มิใช่ดินเหนียวหรือดินน้ำมันนะครับ ไม่มีฝีมือจริงไม้แตกหมดหรือไม่ก็มือเหวอะหวะแน่นอนนะครับพี่น้อง




                    ปางมารวิชัยขัดราบ หลวงพ่อสร้างเอง ปลุกเสกเอง กล่าวกันว่า หลวงพ่อสังข์ มีกระแสร์จิตต์ ที่มีกำลังแรงกล้าสูงมาก สามารถถ่ายปราณ (ปราณ แปลว่าชีวิต) โดยการตั้งธาตุทั้ง 4 คือ นะมะ พะ ทะ ตามด้วยธาตุกรณี คือ จะ ภะ กะ สะ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงกำกับธาตุดังกล่าวลงไปอีกชั้นหนึ่ง สุดท้ายหนุนธาตุด้วยแก้ว 4 ดวงคือ นะ มะ อะ อุ เข้าไปอีก  โดยใช้วิธีการแตะต้องลูบคลำด้วยการใช้มือ การเสกเป่าโดยการพ่นลมออกจากปากไปให้ถูกต้องวัตถุนั้น ซึ่งจะก่อให้เกิดพลังศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม  อิทธิปาฎิหาริย์ คงกระพันชาตรี เสดาะขับไล่ผี ไล่สิ่งที่เป็นเสนียดจัญไรไม่ดีต่าง ๆ ให้ออกไป อีกทั้งแม้แต่การล่องหนกำบังสกดก็ทำได้ แล้วแต่ว่าท่านจะเน้นให้วัตถุมงคลชิ้นนั้นใช้ทางด้านไหน เสร็จแล้วก็กรึงเสีย(กรึงคือการสะกด) เพื่อมิให้เวทย์มนต์คาถาอาคมนั้นหนีหายหรือเสื่อมสลายไปจากเครื่องรางนั้น การกรึงอาจจะลงยันต์ อุณาโลม กำกับไว้ แต่ถ้าใช้อักษรขอมก็จะเรียกว่า เฑาะว์ขัดสมาธิ นั่นเอง หรือไม่เช่นนั้นก็ใช้ ด้ายสายสิญจน์เสก หรือด้ายอื่น เช่น ด้ายสายร่มเสก ดังปรากฏที่ฐานพระบูชาองค์นี้กรึงไว้ก็ได้เช่นกัน 



มองดูด้านข้างสง่างามมาก


                    ใต้ฐานองค์พระ หลวงพ่อฝังไม้แก่นจันทน์หอม แต่ไม่ฝังกริ่ง ทำให้พระองค์นี้ มีกลิ่นหอมเย็นอ่อน ๆ ของไม้แก่นจันทน์โชยออกมาจากองค์พระอยู่ตลอดเวลา 


แกะพระพักตร์องค์พระได้สวยงามคมชัดมาก 



                  แลดูพระพักตร์ ดูอิ่มเอิบและดูยิ้มละไมอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ทำให้มองดูแล้วไม่เบื่อ แต่แฝงไว้ด้วยความศรัทธา


                  ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง สำหรับผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม เจ้าของพระ ที่ได้มอบภาพถ่ายให้ผู้เขียนนำมาเผยแพร่ เพื่อเป็นวิทยาทาน


วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

พระไม้โพธิ์ตะวันออก


                        พระไม้โพธิ์ตะวันออก ขนาดบูชา ปางมารวิชัย ขัดราบ หรือ สะดุ้งมาร หน้าตักกว้าง 2.5 นิ้ว สูงรวมฐานพระ 9 นิ้ว


 

                 ฝีมือการแกะ และ ปลุกเสกโดย หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                       เคล็ดมีอยู่ว่า ไม้ที่นำมาแกะพระ ต้องเป็นกิ่งไม้โพธิ์ที่ชี้ไปทางด้านทิศตะวันออก และ ต้องเป็นกิ่งที่หักตกลงมาเอง หรือ จะหักคาต้นแห้งอยู่ก็ได้


แกะได้สวยงามถูกต้องตามตำรา



ทาทอง ดูสวยงาม เข้มขลังมาก


ฐานองค์พระ บ่งบอกถึงลักษณะ ความเก่า ได้อายุ


ศิลปะ คล้ายไปทางลาว ล้านช้าง
 

               บางท่านเรียกศิลปะแบบนี้ว่า หน้าเทวดา


ดูแล้วอ่อนโยน มีเมตตา


             กล่าวกันว่า ผู้ได้มีไว้บูชา จะเจริญด้วยโภคสมบัติ แม้เป็นข้าราชการก็จะเจริญด้วยตำแหน่ง หากเป็นทหารก็จะเจริญด้วยตำแหน่งยศสูงขึ้น หากค้าขายก็จะร่ำรวยเงินทอง