วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ราหูอมจันทร์ เนื้อโลหะ ห่วงทองแดง พิมพ์ใหญ่


                       ราหูอมจันทร์ เนื้อโลหะผสม ห่วงทองแดง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม ตำบลสังเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                      ด้านหลัง ปรากฎยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ อย่างเด่นชัด อยู่ตรงกลางหลัง ล้อมรอบด้วยยันต์สำคัญ จะ ภะ กะ สะ (คาถากาสลัก) และ นะ มะ พะ ทะ (จารึกไว้โดยใช้อักษรขอม แตกต่างจากหลังเหรียญรุ่น 1 ซึ่งใช้อักษรธรรม) สภาพหลังสึกกร่อนไปมาก เพราะว่าเจ้าของเดิมใช้มาอย่างโชกโชน แต่ก็พอมองเห็นและอ่านออกได้


                        ห่วงทองแดง ห่วงใหญ่ แบบเดียวกันกับพระโคโพธิสัตว์เนื้อผงเป๊ะ


                      หลวงพ่อออกแบบได้สวยงามมาก ศิลปะแบบที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนเช่นเคย


                       ราหูอมจันทร์ พิมพ์ใหญ่ ทั้งแบบเนื้อผง และ เนื้อโลหะ จะมีลักษณะสำคัญที่เหมือนกันก็คือ ปลายเท้าทั้งสองข้างจะกางชี้ออกด้านข้าง ไม่หุบเข้ามาด้านในเหมือนพิมพ์เล็ก

                       ราหูอมจันทร์ โลหะองค์นี้ เคยอยู่กับ เฮียหยวยสันติยนต์ แกได้มาตอนป่วยอยู่ที่บ้านข้างแฟลตการเคหะ หลังสถานีขนส่งศรีสะเกษ วันหนึ่ง ศิษย์สุริโย ไปเยี่ยมเฮียแก เห็นแล้วชอบ ขอเช่าต่อทันที แต่เฮียแกหวงมากไม่ยอมเปิดราคา จึงได้แต่ขอถ่ายภาพไว้ศึกษา กะว่าจะเตรียมกระสุนให้พร้อม แล้วจะไปบุกใหม่ในวันหลัง แต่ในที่สุดก็หมดโอกาสไม่มีวาสนาได้ครอบครอง เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานก่อนแกเสียชีวิต ได้ข่าวว่าแกยอมปล่อยให้เสี่ยใหญ่ศรีสะเกษคนหนึ่งไปเสียแล้ว 


        กราบคาระวะหลวงพ่อสังข์ สุริโย ด้วยความศรัทธายิ่ง

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อีเป๋อ 2


                    อีเป๋อ ไม้แก่นขามแกะ หลวงพ่อสังข์  สุริโย วัดนากันตม ตำบลสังเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ศิลปะการแกะออกแบบในลักษณะหญิงสาว ในท่านั่งยอง ๆ ชันเข่า แยก(ถ่าง)ขาทั้ง 2 ข้างอ้าออกเต็มที่ แสดงให้เห็นเครื่องเพศอย่างเด่นชัด


                       สังเกตุ ดูหน้าตา เป็นหญิงสาวชาวบ้าน ธรรมดา ๆ หวีผมสยายหลับตาพริ้ม บริเวณศรีษะและใบหน้า ไม่มีเครื่องทรง เช่น กรอบหน้า จอนหู และกรองศอหรือนวมนาง ที่จะเป็นองค์ประกอบของหน้านาง จึงไม่สามารถเรียกว่า นางสิกขี ได้ นอกจากเรียกว่า อีเป๋อ


                      ด้านบนเจาะรูฝังห่วงทองแดงแบบห่วงใหญ่ตามสูตรหลวงพ่อสังข์เป๊ะ


                      สังเกตุ รูไม้แก่นขามที่หลวงพ่อเจาะเอาไว้ หลวงพ่อจะอุดผงวิเศษ แล้วฝังห่วงทองแดงบิดเกลียวหนึ่งรอบลงไป และอุดรูให้แน่นด้วยชันโรง(ขี้สูดดินเพียง)เพื่อให้ห่วงยึดติดอย่างแน่นหนา


                   ใต้ฐานเจาะรูฝังตะกรุดทองแดงลงไป จำนวน 3 ดอก แต่ละดอก ความยาวประมาณ 1 นิ้ว


                    ข้อสำคัญและเป็นทีเด็ดที่สุดก็คือ ด้านหลังอีเป๋อ หลวงพ่อลงเหล็กจาร คาถากาสลัก แบบเต็มรูป คือ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ เหมือนหลังเหรียญรุ่น 1 เป๊ะ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า อีเป๋อ ชิ้นนี้ เป็นของ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตมแน่นอน


                     ยันต์หัวใจคาถา กาสลัก จะภะกะสะ


                                      ยันต์ หัวใจชาย


                                    ยันต์ หัวใจหญิง


                   ยันต์คาถา หัวใจพระเจ้า 5 พระองค์ นะโมพุทธายะ อยู่ด้านล่างของภาพ ตรงกลางภาพ คาถากาสลัก จะภะกะสะ และ เหนือขึ้นไปด้านบนจะสังเกตุเห็น ยันต์องค์พระ ซึ่งหลวงพ่อสังข์ ใช้แทน นะมะพะทะ อย่างชัดเจน
                   ขอขอบคุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เจ้าของพระเป็นอย่างสูง ที่ได้อนุญาตให้ ศิษย์สุริโย นำภาพถ่ายและข้อมูลออกเผยแพร่ เพื่อเป็นวิทยาทานครับ


วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปลาชะโดฮุบปลัด 2


                     ปลาชะโดฮุบปลัด เนื้อผงพุทธคุณ 108 ผงว่าน 108 เกสร 108 และผสมวัตถุอาถรรพ์อื่น ๆ อีกหลายอย่าง ฝีมือการสร้างและปลุกเสกโดย ราชาเครื่องรางแดนอีสานใต้ หลวงพ่อสังข์  สุริโย วัดนากันตม ตำบลสังเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                       ฝีมือการออกแบบศิลปะ และการแกะบล็อคทำได้สวยงามลงตัวเป็นเยี่ยม


                      ที่ตัวปลัดพันด้วยด้ายสายสิญจน์เสก แต่เนื่องจากความเก่าทำให้ด้ายชำรุดและเปื่อยยุ่ย ศิษย์สุริโย จึงได้ใช้เชือกใหม่พันหุ้มของเดิมไว้


                   ของจริงต้องสวยงามและเข้มขลังแบบนี้


            ความสวยอธิบายด้วยภาพ                


จุ่มรักแดงสวยงามมาก


                       ผสมครั่งเพื่อยึดโยงมวลสารให้เกาะตัวไม่เปื่อยยุ่ย


                    เนื้อหา มวลสาร และความเก่าได้อายุ


                     ห่วงทองแดงแบบห่วงใหญ่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของห่วงหลวงพ่อสังข์


                      ฝังห่วงทองแดง แบบห่วงใหญ่ และ เป็นห่วงคู่ แต่ละห่วงบิดเกลียว 2 รอบ


                    ส่วนท้องปลาชะโดตัวนี้ มิได้ประทับยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ หรือ เฑาะว์มหาพรหม


                   เขย่าดูแล้วหลวงพ่อฝังกริ่งไว้ ฟังดูคล้ายเสียงตะกรุดขนาดยาวพอสมควร จำนวน 1 ดอก


                     ส่วนหัวของปลัด พื้นผิวเนื้อวัตถุ เกิดการแตกลายงา เนื่องจากการยืดตัว หดตัว เพราะความเก่า
                     เครื่องราง รูปสัตว์ ที่เป็นรูปปลานั้น ใช้ทางด้านเมตตา มหานิยม มหาลาภ และ ทางโภคทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทองอุดมสมบูรณ์ กินไม่มีวันหมด อะไรประเภทนั้น อีกทั้งเหมาะกับท่านที่มีอาชีพเป็นพนักงานขายสินค้าทุกประเภทครับ


                      กราบคารวะ ท่านพระครูอุดมวรเวท (หลวงพ่อสังข์  สุริโย) ด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

คาถาหลวงพ่อสังข์



                   เพื่อน ๆ หลายคน รวมทั้ง ศิษย์สุริโย ด้วยอีกคน พากันสงสัยว่า หลวงพ่อสังข์ สุริโย มีคาถาอาคมประจำตัวบทใดหนอ ที่ได้เคยมอบให้ลูกศิษย์ไว้สวด และใช้อธิษฐานจิตขอพร ก่อนออกเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล มีโชค มีลาภ ชนะศัตรู และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ศิษย์สุริโย จำได้ว่า ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสังข์ คนหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยนาม ท่านคือดาบติ่ง (ดาบตำรวจ โกวิทย์ บุญวงศ์) อดีตสังกัดกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ(สมัยนั้น) ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว เคยบอกว่า คาถาหลวงพ่อสังข์ ก็อยู่ที่หลังเหรียญ รุ่นแรก ที่ออกปี 2512 นั่นแหละ ให้ไปอ่านเอา 


                   ศิษย์สุริโย ได้ใช้ความพยายามศึกษา ค้นคว้าตัวอักษรที่ปรากฎหลังเหรียญ อยู่นานพบว่า อักษรที่หลวงพ่อออกแบบเอง
และใส่ไว้หลังเหรียญ ไม่ใช่อักษรขอมที่เกจิอาจารย์ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน แต่ว่าหลวงพ่อสังข์ใช้เป็น อักษรธรรม หรือบางท่านเรียกว่า อักษรขอมลาว


                    ในที่สุดก็อ่านได้สำเร็จ ดีใจมาก จึงอยากจะเฉลยให้เพื่อน ๆได้ทราบ คาถานี้ อ่านว่า จะ ภะ กะ สะ หรือ หัวใจคาถากาสลัก บางคนเรียก ธาตุกรณีย์ คาถาแบบเต็ม ๆ เป็นดังนี้                        
                   จะ  ย่อมาจาก  จะชะ ทุชชะนะสังสัคคัง
                   ภะ  ย่อมาจาก  ภะชะ สาธุสะมาคะมัง
                   กะ  ย่อมาจาก  กะระ ปุญญะมะโหรัตตัง                
                   สะ  ย่อมาจาก   สะระ นิจจะมะนิจจะตัง
      

                    หลวงพ่อใช้ศิลปะในการออกแบบให้สวยงามโดยการผูกยันต์ให้เป็นกลุ่ม รูปแบบเป็น ยันต์กาสลัก ซ่อนหัว ซ่อนหาง ส่วนที่มาของชื่อคาถานั้น 
            กา ย่อมาจาก ปากกา ที่ใช้เขียนหนังสือ หรือปากกาที่ใช้สลักหรือสัก
               สลัก หรือ สัก หมายถึง การบันทึกลงไปบนสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัตถุ สิ่งของ หรือ ร่างกาย โดยหมายให้เกิดความคุ้มครองแก่ผู้ศรัทธา


               ก่อนที่จะถึงหัวใจคาถา หลวงพ่อก็ให้สวดคาถากำกับก่อน  คาถาบทนี้ อ่านว่า มะ อุ อะ (มะ อะ อุ) ความหมายคือ เป็นตัวแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือหัวใจตรีเพชร


                      ยันต์นี้ เป็นยันต์ องค์พระ เกจิอาจารย์แต่ละท่านใช้แทนความหมายของคาถาไม่เหมือนกัน


              แต่สำหรับ หลวงพ่อสังข์  ศิษย์สุริโย ได้ไปค้นพบความหมายของยันต์องค์พระที่หลวงพ่อใช้แทนคาถา จากตลับนวด(สีผึ้ง) ที่หลวงพ่อจารมือเป็นอักษรขอมกำกับไว้บนฝาตลับ ดังนี้
                      พระเศียร  ใช้แทน   นะ 
                    พระองค์  ใช้แทน  มะ
                    พระบาท(หรือบาทพระ)  ใช้แทน พะ ทะ
                คาถาบทนี้ คือ นะ มะ พะ ทะ หรือหัวใจธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเอง สวดกำกับเพื่อเป็นการตั้งธาตุหรือปลุกธาตุเพื่อให้คาถาศักดิ์สิทธิ์


                   คาถานี้ อ่านว่า นะ โม พุท ธา ยะ หรือ หัวใจพระพุทธเจ้า 5 พระองค์


                             ยันต์ตัวนี้ เป็นยันต์หัวใจชาย


                   ยันต์ตัวนี้ เป็นยันต์ หัวใจหญิง                    
  
              คาถาด้านหลังเหรียญ เมื่ออ่านทั้งหมดโดยการเรียงลำดับแต่ละวรรคใหม่ให้สวดง่ายแล้ว  คือ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ 
                การที่หลวงพ่อสังข์ ออกแบบวางยันต์สำคัญคือยันต์กาสลัก ไว้ตรงกลางเหรียญและขนาบข้างซ้ายขวาด้วยยันต์หัวใจหญิงและหัวใจชายนั้น เป็นกุศโลบายหรืออุบายที่ชาญฉลาดในการสื่อความหมายที่ลึกซึ้งว่า ไม่ว่ามนุษย์หญิงหรือชาย การที่จะสักหรือสลักคาถาลงไปบนที่ลับเช่น ในร่มผ้าของร่างกายนั้น ไม่ได้ประโยชน์ เพราะว่ามองไม่เห็น อ่านก็ไม่ได้ หรือถ้าพิมพ์ลงไปบนผืนผ้าเป็นผ้ายันต์หรือสลักลงบนพระเครื่องหรือ เครื่องราง ของขลัง ก็มีโอกาสที่จะสูญหายหรือ ลบเลือนสึกกร่อนไปได้ตามกาลเวลา แต่ถ้าจะสลักไว้ที่ดีที่สุดคือสลักลงที่ กลางใจ ของมนุษย์เรานี่แหละ เมื่ออยู่ในใจและท่องจำได้ สวดได้แล้ว จะไม่มีวันสูญหายไปจากใจแน่นอน เมื่อเพื่อน ๆ จะออกจากบ้านก็อย่าลืม ให้อาราธนานิมนต์เหรียญหลวงพ่อสังข์ รุ่น 1 ห้อยคอไปด้วย(เพราะว่าคาถาอยู่หลังเหรียญ) ถ้ายังไม่มีก็ขอให้สวด ท่องบ่นหรือภาวนาคาถานี้พร้อมทั้งอธิษฐานขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล มีโชคลาภ ชนะศรัตรู แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง หรือตามแต่ที่เราปารถนา

             คนที่สวดคาถากาสลักเป็นประจำคือ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช ที่มาที่ไปเป็นดังนี้
  ..............."พระสมเด็จของแท้ ของอาจารย์หม่อม ราคา “หาค่าไม่ได้” ซื้อขายก็ไม่ได้ จะครอบครองเป็นเจ้าของก็ไม่ได้ ท่านหมายถึง สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ...
                   “ที่เรียกเจ้าพระคุณสมเด็จพระ สังฆราชว่า พระสมเด็จก็เพราะท่านเป็นพระสมเด็จจริงๆ และที่เรียกท่านว่าเป็นพระเครื่อง ก็เพราะท่านเป็นพระเครื่องของผู้เขียน...จริงๆ”...

                   .....อาจารย์หม่อมเขียนว่า ได้อาศัยอิทธิฤทธิ์บารมี จากคำสั่งสอนของท่านคุ้มครองตัวอยู่เป็นนิจ ทำให้อยู่ยงคงกระพัน คลาดแคล้วจากอาวุธต่างๆ ไม่เคยมีบาดแผลจากอาวุธในร่างกายเลย
                    วันหนึ่งสมเด็จป่วยอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ อาจารย์หม่อมเคยได้พระกริ่งและเหรียญของสมเด็จท่านไว้แล้ว วันนั้นจึงขอคาถาเอาไว้ คุ้มกันตัว ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ตกน้ำไม่ตาย ไฟไหม้ไม่ติด
                    สมเด็จหัวเราะ แล้วก็ให้หัดท่องคาถา จะ ภะ กะ สะ ท่านบอกว่า เขาเรียกว่า คาถากาสลัก ได้มาจากหลวงตารูปหนึ่ง
                    นี่คือ หัวใจคาถา เอาคำต้นของคาถาแต่ละบาท มาย่อ ไว้ แปลคาถาเต็มๆ ก็จะได้ความเป็นธรรมะสำคัญ
                    อย่าไปคบคนชั่วคนโง่ คบแต่คนดีมีปัญญา ทำบุญอย่าเว้นทั้งกลางวันกลางคืน และระลึกถึงความไม่เที่ยง
                    ตั้งแต่ท่องคาถากาสลักของสมเด็จอาจารย์ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์บอกว่า จนอายุปูนนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยหัวแตก หรือเป็นไข้โป้งสักที ท่านเขียนทิ้งท้ายไว้ในคอลัมน์...ซอยสวนพลู 
                    ผมเองก็แก่เต็มที จึงขอบอกคาถานี้ไว้ให้จำกันต่อๆ มา รับรองชีวิตจะมีความสุขเฮฮา ตลอดไป."


                   (ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2555 เขียนโดย กิเลน  ประลองเชิง คอลัมน์ พระสมเด็จของคึกฤทธิ์ ...ศิษย์สุริโย ใคร่ขออนุญาต และขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ กิเลน  ประลองเชิง นำข้อความบางตอนเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานครับ)

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พญาเต่า



                    พญาเต่า เนื้อผงพุทธคุณ ผงว่าน ผงยาสมุนไพร ผงเกสร ไคลโบสถ์ ทุกอย่าง 108 ชนิด ผสมครั่ง คลุกรัก สร้างและปลุกเสกโดย หลวงพ่อสังข์  สุริโย วัดนากันตม  ตำบลสังเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ



                    ด้านหลัง ประทับยันต์ เฑาะว์ขัดสมาธิ (ยันต์ใหญ่) คม ชัด ลึก สวยงามชัดเจน อันเป็นเอกลักษณ์ ประจำตัวของหลวงพ่อ



                  ที่คอพญาเต่า หลวงพ่อผูกด้ายสายสิญจน์เสก ทำให้เพิ่มความเข้มขลังเข้าไปอีก



                   ส่วนหัวพญาเต่า ตรงบริเวณปาก ฝังห่วงทองแดง(ห่วงทองแดงแบบหนา) ลักษณะท่าทางเหมือนพญาเต่ากำลังคาบห่วงทองแดงไว้ในปาก ซึ่งห่วงลักษณะนี้ ก็บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของเครื่องราง ของขลัง ของหลวงพ่อสังข์ อีกแบบหนึ่งเช่นกัน


                         สังเกตุ ด้ายสายสิญจน์เสก จะเป็นกลุ่มด้าย 3 ขนาด เส้นใหญ่ กลาง เล็ก ผูกรวมกันอยู่



                   มองเห็นลูกตาของพญาเต่า ชัดเจน



                 ลักษณะของกระดองเต่า หลวงพ่อออกแบบสร้างไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ส่วนทางด้านพุทธคุณนั้น เด่นมากทางด้านโชคลาภ โดยจะต้องภาวนาคาถา "นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ" กำกับด้วย




                       พญาเต่าตนนี้ ฝังกริ่ง เขย่าดู เสียงดังกังวาล เพราะมาก ส่วนพญาเต่าพิมพ์อื่นนอกเหนือจากนี้ ต้องพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วนถึงที่มา ที่ไป ความเก่า ความละเอียดสวยงาม คมชัด ของเส้นสายลายยันต์ให้ถี่ถ้วนกันนะครับ เพราะอาจจะผิดวัด ยัดอาจารย์ ว่าเป็นของหลวงพ่อสังข์ ก็อาจจะเป็นได้


                      กราบหลวงพ่อสังข์  สุริโย วัดนากันตม ด้วยความเคารพและศรัทธายิ่งครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปลัดขิก เพชรพญาธร


                       ปลัดขิก เพชรพญาธร เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงว่าน 108 ทาทอง หลวงพ่อสังข์  สุริโย วัดนากันตม ตำบลสังเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ


                    เท่าที่ทราบ มีเกจิอาจารย์ไม่กี่ท่านแทบจะนับได้ ในประเทศไทย ที่สร้างปลัดเนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงว่าน เท่าที่เห็นก็จะเป็น แกะจาก ไม้ เขา งา เสียเป็นส่วนใหญ่


                   แต่ขึ้นชื่อว่า หลวงพ่อสังข์ แห่งวัดนากันตม ราชาเครื่องรางแห่งอีสานใต้ สร้างอะไรแล้วต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะว่าท่านสร้างจากผงพุทธคุณ ผงว่าน ผงสรรพยาและผงอาถรรพ์อื่น ๆ ฝีมือการออกแบบรูปทรง ศิลปะ ลวดลาย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน


                           ฝังกริ่งเสียงดังกังวาล และทาทองอย่างหนาไว้รอบตัวปลัด


                        สุดยอดการออกแบบจากภูมิปัญญาของเกจิอาจารย์อีสานใต้ ระดับซือแป๋เรียกอาจารย์



                        บรรยายศิลปะด้วยภาพครับ เป็นปลัดตัวใหญ่กับตัวเล็กซ้อนกันอยู่ครับ


                               ลูกพี่เราวางมาดขรึมน่าดู


                        ด้านท้ายปลัดทำเป็นหางม้วนงอขึ้นไปทางด้านหลัง ฝังห่วงทองแดง 2 ห่วง เป็นห่วงใหญ่และห่วงเล็ก คล้องกันไว้ บางท่านเรียกว่า ปลัดขิก เพชรพญาธร


                            ส่วนพทธคุณนั้นก็คงเหมือนกับปลัดของเกจิอาจารย์อื่น ๆ ทั่วไป ที่เด่นทางด้าน เมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยม และเจรจาค้าขายครับ