วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระฤาษีหน้าวัว หนังควายปั้น


                     พระฤาษีหน้าวัว (ฤาษีตาวัว หรือ พระนนทิ ) หนังควายเผือก ฟ้าผ่าตาย จุ่มรัก ปั้นมือ ฝีมือการปั้นของ สุดยอดเกจิอาจารย์ สายขอมลาว แดนอีสานใต้ หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม พระฤาษีอยู่ในท่านั่งชันเข่าสบาย ๆ ถือไม้เท้า ผ้านุ่งตามประวัติบอกว่า นุ่งห่มหนังเสือดาว แถมมีผ้าขาวม้าพาดบ่าอีกต่างหาก








มีหางโผล่ขึ้นมาให้เห็นพองาม


ดูฝีมือการปั้น แสดงให้เห็น ลักษณะหน้าตาได้เหมือนจริงมาก


                     ดูร่องรอยการใช้ของมีคม กรีดหนังตกแต่งเพื่อความสวยงาม และ จะเห็นร่องรอยของการหดตัว ขยายตัวของหนังควาย และ การแตกลายงาอย่างเห็นได้ชัด


                    เหนือศรีษะ ระหว่างเขาทั้งสองข้าง จะสังเกตุเห็นหมวกยอดแหลม ซึ่งเป็นเอกลัษณ์ ของหมวกพระฤาษี ใบเล็ก ๆ พองาม  ที่คอของฤาษี หลวงพ่อ พันด้วยด้ายสายสิญจน์เสกตามสูตร



                      ใต้ฐานองค์พระ หลวงพ่อไม่ได้ประทับยันต์ เฑาะว์ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นหนังปั้น ไม่สะดวกในการประทับยันต์ แต่หลวงพ่อเลือกลงเหล็กจารด้วยเครื่องหมาย อุณาโลม ขึ้นยอด 3 หยัก อันแทน มะ อะ อุ สังเกตุเห็นรอยวงกลมสีขาวด้านบนซ้าย ซึ่งรัก หลุดลอกออกไป จะเห็นสีขาวของพื้นหนัง (ในวงกลมสีเหลือง) แสดงให้เห็นว่า เป็นหนังควายเผือกอย่างเห็นได้ชัด

                       พระฤาษีหน้าวัว หรืออีกชื่อหนึ่งคือฤาษีตาวัว พระนามที่จริงคือ พระนนทิ (พระ-นน-ทิ) นั่นเอง เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นบริวารองค์สำคัญและยังเป็นพระราชพาหนะของ (องค์พระสดาศิวะมหาเทพ) เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี การร้อง ฟ้อน รำ เต้น มีศิลปะในการพูดจา เจรจาได้น่าฟังเป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยกย่อง อีกทั้งเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีเสน่ห์ ดึงดูดใจเพศหญิงเป็นอย่างดี ในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือดาวสีเหลือง ศรีษะ เป็นวัวหนุ่ม สีขาว

                       ดังนั้น การบูชาพระฤาษีหน้าวัว จึงก่อให้เกิดอานิสงส์ทางด้าน การแสดง การดนตรี มีเสน่ห์ มีเมตตา มหานิยม  การเจรจาค้าขาย และก่อให้เกิดความสำเร็จในการติดต่อประสานงานต่าง ๆ กับบุคคลทั่วไป

                       การสร้างเครื่องรางรูปสัตว์นั้น เปรียบเสมือนการสร้างหุ่นยนต์ในสมัยปัจจุบัน หุ่นยนต์มีระบบการประมวลผลและอ่านข้อมูลหรือหน่วยความจำ มีแผงวงจร ไอซี ไมโครชิบและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า องค์ประกอบต่าง ๆ ของวงจรบังคับควบคุมหุ่นยนต์ ก็เปรียบเสมือนเส้นยันต์และเวทย์มนต์คาถาอาคมต่าง ๆ ที่เกจิอาจารย์บรรจุลงไปในเครื่องรางรูปสัตว์โดยใช้พระเวท ดังนั้น เครื่องรางรูปสัตว์ ก็คือหุ่นพยนต์นั่นเอง แต่พลังงานที่แผ่ออกมาเป็นรูปของอำนาจจิต ดังนั้น วัสดุที่ใช้สร้างหุ่นพยนต์ จะต้องมีพลังอยู่ในตัว ความแปลกของควายเผือก ซึ่งเป็นเป้าสายตาของคน ความงดงามในรูปโฉมผิวกาย ความแปลกพิเศษสะดุดตาเท่านั้นยังไม่พอ ควายเผือกยังเป็นจุดต่อพลังงานไฟฟ้าสถิต์มหาศาล เมื่อเกิดฟ้าผ่า พลังงานมหาศาลจากก้อนเมฆถูกถ่ายทอดลงมาที่ตัวควายเผือก ก่อนลงสู่ผิวดิน ตัวควายเผือกจึงได้รับพลังงานอย่างมหาศาล หรือ เรียกกันง่าย ๆ ว่า กระแสไฟฟ้าเป็นล้าน ๆ กิโลวัตต์ ส่งพลังงานมาเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของควายเผือกทั้งตัวให้กลายเป็นวัสดุอาถรรพ์ สามารถซึมซับเอาวิชาอาคม หรือ พลังจิตได้ง่าย และคงความขลังไว้ได้นานนั่นเอง เมื่อวัสดุดี มีคุณวิเศษในตัว บวกกับรูปลักษณ์พิเศษ ของ พระฤาษีหน้าวัว บวกด้วยมหามนตราที่เปี่ยมด้วยพลังจิตอันแก่กล้ามหาศาลของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงศีลแล้ว ยิ่งทำให้เครื่องรางรูปสัตว์นั้น ยิ่งเพิ่มความขลังเป็นลำดับเท่าทวีคูณ

                       การสร้างเครื่องรางรูปสัตว์นั้น  กล่าวกันว่า   จะต้องเสกจนให้ลุก   ปลุกให้นั่งได้จริง ๆ จึงจะขลัง ดังนั้นทั้งตัวของรูปสมมุติจะต้องมีสูตรการปั้น ตั้งแต่การใช้พระเวท เสกหนังควายให้อ่อนตัวเป็นเสมือนดินเหนียว สามารถทำให้ยืดตัว หดตัว ขยายใหญ่ขึ้น หรือ เล็กลง หรือขับให้เคลื่อนตัวออกไปตามคำสั่งได้ หรือ เรียกให้กลับมาที่เดิมได้ ถึงจะเรียกว่า สุดยอดของวิชา  ซึ่งวิชาเสกหนังควายนี้ เป็นวิชาสายขอมลาวโดยแท้ เพื่อน ๆ คงจะเคยได้ยินก็คือ การเสกหนังควายเข้าท้อง นั่นแหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น