วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

ราหู อมจันทร์ พิมพ์เล็ก


                     ราหูอมจันทร์ เนื้อผงพุทธคุณ  ผสมว่านยา 108 คลุกรัก ลงรักปิดทอง ฝังกริ่ง พิมพ์เล็ก  หลวงพ่อสังข์ วัดนากันตม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ไม่ทราบว่า ใครหนอพาไปเรียกว่า พญาการะเวก ซึ่งเป็นนกชนิดหนึ่ง ตามความเป็นจริง แล้ว หลวงพ่อเจตนาสร้างเป็น ราหูอมจันทร์ เป็นราหูเมื่อครั้งที่ยังมีร่างเต็มตัว ยังไม่ถูกจักรตัดร่างขาดออกเป็นสองท่อน ราหู ไม่ใช่นก แต่เป็นอสูรตนหนึ่ง มีร่างกาย แขน ขา เหมือนมนุษย์ ผิวดำสนิทเป็นมันวาวเหมือนนิล มีหางเป็นนาคราช กำลังใช้มือทั้งสองข้างประคอง พระจันทร์ เพื่อยัดเข้าไปในปาก แต่ไม่หมด เหลืออีกครึ่งเสี้ยว



                      ด้านหลังราหู หลวงพ่อออกแบบหาง ของราหูโผล่ออกมาจากก้น เลื้อยยาวม้วนสอดกันเป็นรูปยันต์ เฑาะว์ขัดมาธิ พาดหลังขึ้นมาด้านบนจนส่วนปลายหางยาวขึ้นมาจนถึงส่วนหัว ซึ่งราหูอมจันทร์ตนนี้ หลวงพ่อออกแบบได้สวยงามมาก เป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่ออย่างเด่นชัด ซึ่งไม่เหมือนใคร และ ไม่มีใครเหมือนแน่นอน ส่วนพุทธคุณนั้น สายเครื่องรางหลวงพ่อสังข์ ทราบดีอยู่แล้วว่าครอบจักรวาล โดยเฉพาะเรื่อง แคล้วคลาด คงกระพัน ถามนักรบชายแดนรุ่นเก่า  ที่เคยอยู่ กรมทหารพรานที่ 23 และ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 อำเภอกันทรลักษ์ รวมทั้ง อดีต อส. ปลัดอำเภอ นายอำเภอกันทรลักษ์ รุ่นเก่า ๆ ที่เคยปะทะกับ ผกค. และกองกำลังต่างชาติมาแล้วอย่างโชกโชนในอดีตได้เลย ว่าพุทธคุณเยี่ยมยอดขนาดไหน




                      ราหูอมจันทร์ นั่งยอง พระมหาเมธังกร (พรหม) วัดน้ำคือ จังหวัดแพร่ นำมาเปรียบเทียบให้เห็น ลักษณะ การออกแบบ รูปลักษณ์ ของอสูรราหูอมจันทร์ ซึ่งคล้ายกับราหูอมจันทร์ของ หลวงพ่อสังข์ มากที่สุด ต่างกันเฉพาะของหลวงพ่อสังข์ เป็นเนื้อผง ส่วนของพระมหาเมธังกร เป็นกะลาแกะ และ ด้านหลังเท่านั้นครับ (ภาพจาก หนังสือ อภินิหาร เครื่องราง เขียนโดย คเณศ์พร)


                      ตามตำนานราหู กล่าวว่า เมื่อครั้งพระวิษณุจัดให้มีการทำพิธี กวนเกษียรสมุทร เพื่อก่อให้เกิด น้ำอมฤต เมื่อดื่มแล้วจะเป็น อมตะ คือไม่มีวันตาย มีเหล่าเทพกับเหล่าอสูรช่วยกันกวน ใช้พญานาค วาสุกรี เป็นเชือกพันรอบภูเขาชื่อเขา มันทระ เป็นแกนในการกวนมหาสมุทร กลศะ กวนกันอยู่เป็นพันปี เมื่อกวนไปหลาย ๆ รอบมากเข้า น้ำในมหาสมุทรกลศะ ก็ข้นเป็นน้ำนม จึงเรียก เกษียรสมุทร เกิดสิ่งต่างๆ มากมายจากการกวนคราวนี้ เช่น 
  
พระนางลักษมี ซึ่ง พระวิษณุ นำไปเป็นชายา
ช้างเอราวัณ กลายเป็นพาหนะของ พระอินทร์
ม้าขาวอุจไจศรวัส พระอาทิตย์ นำไปเป็นพาหนะประจำรถทรง
กามเธนุ โคเพศเมีย เป็น แม่โคอศุภราช พาหนะของ พระอิศวร
พระโสมะ หรือ พระจันทร์
นางวารุณี เทพีแห่งเมรัย

พระจันทร์เสี้ยว พระศิวะ เอามาทัดเป็นปิ่น
เกาสตุภะมณี พระนารายณ์ ใช้เป็นเครื่องประดับพระอุระ
ต้นไม้ทิพย์ ต่างๆ ได้แก่ต้น กัลปพฤกษ์ ต้น ปาริชาติ และที่สำคัญก็คือ
นางอัปสรา จำนวน ๓๕ ล้านตน ร่ายรำอยู่ด้านบนเป็นการรำอวยพรการทำพิธีนี้ อัปสรา แปลความหมาย หมายถึง ผู้กำเนิดจากน้ำหรือผู้แหวกว่ายในน้ำ

                        อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ได้น้ำ อมฤต เมื่อได้น้ำอมฤตแล้วเหล่าเทพไม่ยอมให้เหล่าอสูรดื่ม ทั้ง ๆ ที่ช่วยกันกวนมาตั้งนานเป็นพันปี พระวิษณุจึงออกอุบายแปลงเป็นนางฟ้า โมหิณี หลอกให้อสูรสนใจ พอสบโอกาสเหล่าเทพก็รีบดื่มน้ำอมฤตทันที มีเพียง อสูรราหู ตนเดียวที่ไม่สนใจ โมหิณี แอบปลอมเป็นเทพไปเข้าคิวรับน้ำอมฤตด้วย พระจันทร์และพระอาทิตย์เห็นเข้าก็เลยนำเรื่องไปฟ้องพระวิษณุ พระองค์จึงขว้างจักร สุทรรศนะ ไปตัดร่างราหูขาดออกเป็นสองท่อน น้ำอมฤตที่ราหูดื่ม ก็พอดีลงไปถึงกระเพาะทำให้ท่อนบนราหูเป็น อมตะ ส่วนท่อนล่างกลายเป็นอสุรกายชื่อดาวเกตุ ตั้งแต่นั้นมา ด้วยความแค้นในพระจันทร์และพระอาทิตย์ ราหูจึงมีความ อาฆาตพยาบาท คอยดักจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กินทุกครั้งเมื่อมีโอกาส  ก่อให้เกิดตำนาน สุริยุปราคา และ จันทรุปราคา ดังนั้น รูปอสูรราหูส่วนใหญ่ที่เราพบเห็น จึงมีเพียงครึ่งตัวท่อนบนท่อนเดียว

2 ความคิดเห็น:

  1. ลพ.สุงข์ ฯ ท่านสร้างเป็น "พญาราหูอมจันทร์" หรือ "กบกินเดือน" ครับ สังเกตุด้านหลังให้ดี ๆ เป็นรูปกบ มีขา ๔ ขา ด้วยครับ

    รัฐ ศรีสะเกษ

    ตอบลบ
  2. อ้อๆๆออกที่วัดนากันตมนี่เอง (คนขายพระวัตถุมงคลยัดเข้าวัดศรีษะทองซะมากครับ เจอตามกูเกิ้ลอยู่ขอบคุณมากๆครับที่ให้ความรู้ ผมเช่ามาแบบในราคา81บาท😁👌

    ตอบลบ